ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่เข้ามาแทนที่ เป็นเรื่องปกติตามวงรอบปฏิทิน และเมื่อเปลี่ยน พศ.ใหม่ เป็น 2566 ก็เท่ากับว่า วาระของ ส.ส. ชุดปัจจุบัน เหลืออีกเพียง 80 วันเท่านั้น หรืออาจจะสั้นกว่านั้น
หาก “บิ๊กตู่” ที่ตัดสินใจจะสังกัดพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการไปแล้ว และประกาศเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งรอบใหม่ที่จะมีขึ้น ตัดสินใจยุบสภาเพื่อความได้เปรียบทางเทคนิค ในการดึง และดูด ส.ส. นักการเมือง มาสังกัดพรรคของตัวเอง เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฏหมายบางประการในรัฐธรรมนูญ และ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพรรคการเมือง แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะชิงยุบสภาเพื่อความได้เปรียบ หรืออยู่จนครบวาระ การเลือกตั้งก็จะมีขึ้นอย่างแน่นอน ช้าที่สุดก็แค่ต้นเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่น่าจะบหลังจากนี้ คือคนที่จะเป็นแคนดิเดทของแต่ละพรรคการเมืองมากกว่า ว่ามีเพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ จากรวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประวิตร ของพลังประชารัฐ “อนุทิน”แห่งภูมิใจไทย,”อุ๊งอิ๊ง”-แพรทองธาร” ค่ายเพื่อไทย ,”พิธา” จากก้าวไกล, “จุรินทร์” ของประชาธิปัตย์,”สุดารัตน์-สมคิด” 2พันธมิตรพรรคสร้าง เพียงเท่านี้จริงๆ ที่จะมาเป็นตัวเลือก หรือพรรคไหนยังแอบซ่อนไพ่เด็ด รอเปิดตัวอยู่อีกหรือไม่
จะว่าไปแล้ว มีตัวเลือกหลักถึง 8 คน ที่คนพูดถึง และอยู่บนผลโพลมาตลอดแบบนี้ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่หากเอาเข้าจริงๆ ผลเลือกตั้งออกมา พรรคที่บุคคลเหล่านี้สังกัด ได้ไม่ถึง 25 เสียง หรือ 5 % ของจำนวน ส.ส.ในสภา ก็จะถูกตัดออกไปโดยปริยาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับว่า ตัวเลือกก็จะมีน้อยลงอีกซึ่ง 8 รายชื่อนี้ อาจเหลือเพียง 50% เท่านั้น หรืออาจน้อยกว่านั้น ซึ่งทุกอย่างก็อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งหมด และหากดูจากจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในเวลานี้ของแต่ละพรรค คนที่น่าจะมีโอกาสลุ้นเก้าอี้นายกฯ แบบ 100% ตามรัฐธรรมนูญ อาจเหลือแค่ “อุ๊งอิ๊ง”ของเพื่อไทย ที่พยายามหวังแลนด์สไลด์ กับ “อนุทิน”ค่ายสีน้ำเงิน ที่โชว์พลังดู ส.ส.มาร่วมงานเป็นจำนวนมากเท่านั้น ส่วนรายอื่นๆ คงต้องลุ้นแบบใจหายใจคว่ำ เริ่มจาก “บิ๊กตู่”
แม้ยังมีเวลาดูดส.ส.มาจากพลังประชารัฐ หรือประชาธิปัตย์ มาเพิ่ม แต่ก็ไม่การันตีว่าจะชัวร์ได้เกิน 25 ที่นั่ง เพราะส.ส.ที่ดึงมาได้ ล้วนมีฐานเสียงโซนปักษ์ใต้ ซึ่งทับซ้อนประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยนั่นเอง ขณะ พล.อ.ประวิตร หากต้องการผ่านด่าน 25 เสียง ต้องตรึงของเดิม บ้านใหญ่เพชรบูรณ์,โคราช,ลูกทีมธรรมนัส” และสามมิตร เอาไว้ให้ได้ก่อน ถึงจะการันตี แต่หากถูก”บิ๊กตู่”ดึงไปบ้าง ก็อาจจะพากันพังทั้ง 2 พรรค โดนเขี่ยนทิ้งตั้งแต่ด่านแรกหมดลุ้นทันที ส่วนอีก 2 พรรค “ประชาธิปัตย์” ที่จะชูหัวหน้า”จุรินทร์” และ ก้าวไกล ที่ยก “พิธา”เป็นเบอร์หนึ่งนั้น หากดูจากหน้าเสื่อเวลานี้ สูสีกัน ส.ส.เก่าที่มีในมือมีโอกาสผ่านด่านแรกได้ แต่ด่านที่ 2 ก็คงยากที่จะเป็นพรรคแกนนำ คงเป็นได้แค่พรรคร่วมเท่านั้น หากไม่เกิดพลิกล็อคขนานใหญ่ จนก้าวไกล หรือประชาธิปัตย์ เข้าวินมาเป็นอันดับ 1 และ 2 ทำให้ “จุรินทร์” และ “พิธา” ได้ลุ้นนั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ฝ่ายบริหาร ดังนั้นตัวแปรสำคัญหลังจากนี้ คงมีแค่ ความชัดเจนของรายชื่อแคนดิเดทมากว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว “อุ๊งอิ๊ง” กับ “อนุทิน” น่าจะมีโอกาสสูงสุด… แต่หากยังมีตัวละครลับ หมากเกมนี้ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก็เป็นได้…
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews