วิปฝ่ายค้านทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ
วิปฝ่ายค้าน ทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ วอนฟังความเห็นเพิ่มเติมจากฝ่ายอื่นก่อนวินิจฉัยร่างแก้รธน.
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ได้หารือกันถึงการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและมีความกังวลกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องนี้ที่ ส.ส. และ ส.ว. ยื่นให้ตีความว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาพิจารณาอยู่อาจจะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ และจะวินิจฉัยในวันที่ 4 มีนาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีผลและมีนัยยะที่จะพิจารณาในวาระที่ 3 ที่กำหนดไว้คร่าวๆ ว่า จะพิจารณากลางเดือนมีนาคม โดยหากผลการพิจารณาออกมาเป็นลบว่า ไม่สามารถดำเนินการได้กังวลว่าจะมีผลทางสังคมเกิดความหวาดระแวง จึงเตรียมทำหนังสือให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ฟังความเห็นเพิ่มเติมจากฝ่ายอื่นให้กว้างขวางขึ้น ทั้งนี้ ยังกังวลว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาในทางลบ จะก่อให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ เพราะจะทำให้ คน”อกหัก”และรับไม่ได้ อาจจะก่อให้เกิดสถานการณ์บานปลายได้
นายสุทิน กล่าวว่า สำหรับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ยังมีประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกัน เช่นการกำหนดที่มาของส.ส.ร. แม้จะเห็นว่าให้มาจากการเลือกตั้ง 200 คนแต่กรรมาธิการซีกรัฐบาลและส.ว.ส่วนหนึ่งเห็นว่าควรซอยเขตย่อย 3 คน 3 เขต ขณะที่ฝ่ายค้านมองว่าควรเป็นเขตจังหวัด และยังถกเถียงกันมากเรื่องจำนวนเสียงลงมติที่จะผ่านร่างรัฐธรรมนูญ ตามร่างเดิมกำหนดไว้ว่าต้องใช้เสียง 3ใน5 ของสมาชิกรัฐสภา คือ 450คน แต่คณะกรรมการมาแก้ไขเป็นใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาคือ 500 คน ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงอยากให้กลับไปตามร่างเดิม เพราะไม่เช่นนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปยากมาก ส่วนประเด็นอื่นที่ยังมีความเห็น ที่ไม่ตรงกันในส่วนของฝ่ายค้าน ก็จะให้แต่ละพรรคนำกลับไปพิจารณาและนำกลับมาหารือกันเพื่อให้การลงมติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.)จะนำวาระเรื่องของร่างพระราชบัญญัติตำรวจมาพิจารณาก่อนแต่ยืนยันว่าการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่ 2 จะต้องเสร็จภายใน 2 วันนี้
นายสุทิน กล่าวว่าที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านได้หารือกันและประเมินการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งทุกคนพึงพอใจกับการทำงานว่า ได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบที่ผิดชี้ถูกชี้ข้อบกพร่องของรัฐบาลที่ควรแก่การนำไปปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และมั่นใจว่า หลายประเด็นที่นำเสนอเป็นประเด็นที่สังคมได้ตระหนักเห็นชัดเจนว่า เป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล มีทั้งที่ขัดกฎหมายและผิดจริยธรรม ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ผ่านมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางการเมือง ซึ่งทางวิปฝ่ายค้านได้ตั้งคณะ ทำงานขึ้นมาพิจารณา ทั้งข้อกฎหมายและจริยธรรมคาดว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปและสามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ โดยในเบื้องต้นมีผู้ที่อยู่ในข่าย จะถูกยื่น อย่างน้อย 4 คน คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฏฐพลทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ฝ่ายค้านเดินหน้าเอาผิด 7 รัฐมนตรี พร้อมยื่นข้อมูลหลักฐานการทุจริต ต่อ ปปช.
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า หลังจากนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านเดินหน้าเอาผิดรัฐมนตรีทั้ง 7 คน
พร้อมยื่นข้อมูลและหลักฐานการทุจริตของรัฐมนตรี ไปยังสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อนำเสนอต่อศาลอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อดำเนินการเอาผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย
นอกจากนี้แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รอดจากการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในสายตาประชาชน พลเอกประยุทธ์ สอบตกในการตอบข้อซักถามของพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมทั้งประชาชน ทั้งประเทศหมดความอดทนกับระบอบประยุทธ์ และไม่ยอมรับรัฐบาลที่ขาดความเชื่อมั่นขาดความน่า เชื่อถือ การสร้างระบอบประยุทธ์คือการสร้างความแตกแยกของคนในชาติ เป็นอันตรายมากเพราะการเลือกปฏิบัติในการดำเนินคดีกับคนที่เห็นต่าง แต่หากพวกเดียวกันจัดกลุ่มมาชุมนุมเพื่อเชียร์พลเอกประยุทธ์จะได้รับการดูแลอย่างดีจึงเป็นการขยายความขัดแย้งให้เพิ่มสูงขึ้น หากพลเอกประยุทธ์ ยังคงสืบทอดอำนาจยาวนาน เชื่อว่าความแตกแยกของคนในชาติและร้าวลึกมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news