Home
|
ข่าว

“สกลธี” ไม่ใช่วัดพลังพปชร.ป้อมปราบศัตรูพ่าย-รทสช.ชนะสงคราม

Featured Image
“สกลธี”แค่สีสันเลือกตั้ง พปชร.ประเดิมลุยหาเสียงเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายเป็นที่แรก อีกพรรค ลงพื้นที่ชนะสงคราม ไม่ใช่วัดพลัง เร่งหาผู้สมัครเพิ่มอีก 5 เขต มั่นใจนโยบายพรรคไม่เป็นรองใคร

 

 

นายสกลธี ภัททิยกุล สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และในฐานะหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครของพรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้ อยู่ในระหว่างกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ และ นโยบายของกรุงเทพมหานคร ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้ตนและทีมงานไปดูถึงความเหมาะสม

 

 

และรูปแบบการลงพื้นที่ในช่วงกลางเดือน ซึ่งจะไม่ใช่รูปแบบการตั้งเวทีปราศรัย เพราะพื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายไม่เพียงพอที่จะตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ ซึ่งอาจเป็นลักษณะของการลงพื้นที่ไปยังจุดสำคัญต่างๆ เช่น วัดไทย วัดจีนที่สำคัญ และมัสยิด เพราะเป็นการลงพื้นที่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย

 

 

พร้อมกันนี้ นายสกลธี ยังกล่าวถึงความพร้อมในการส่งสมาชิกลงสนามเลือกตั้ง กทม. ว่า ต้องพยายามหาผู้สมัครส่งลงให้ครบทุกเขตก่อน ขณะนี้ ขาดอยู่ 4-5 เขต เนื่องจากมีผู้สมัครเข้ามาจำนวนมาก จึงต้องคัดสรรผู้ที่มีความเหมาะสม ก่อนจะวางยุทธศาสตร์ในการหาเสียง โดยตนจะยึดแนวทางเดียวกับตอนหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. คือ ลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียงทุกพื้นที่ทุกเขต ส่วนรูปแบบป้ายหาเสียง

 

ก็จะมาจากส่วนกลางทั้งหมด ไม่ให้ทำกันเองแบบสะเปะสะปะ พร้อมยืนยันว่า จะต้องมีการจัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน อาจจะเป็นในพื้นที่ฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการหาเสียง แต่จะเป็นวันและเวลาใดนั้น ขอรอความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือกเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายเป็นที่แรกนั้น ถือเป็นสีสัน เพราะเวลาจะออกศึก ก็ต้องให้แม่ทัพเป็นผู้นำ ซึ่งชื่อหัวหน้าพรรคก็คล้องกับชื่อเขตพอดี จึงเลือกพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เปิด

 

ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐจะลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายเป็นที่แรก ขณะที่พรรคฝั่งตรงข้ามจะลงพื้นที่ชนะสงคราม ถือเป็นการวัดพลังกันใช่หรือไม่ นายสกลธี มองว่า คงเป็นสีสันของการเลือกตั้ง ที่ทีมยุทธศาสตร์พรรคจะสรรหากันมา

 

ขณะเดียวกัน หนักใจหรือไม่ กับการสู้ศึกเลือกตั้ง ในพื้นที่ที่ พปชร. เคยได้คะแนนมากที่สุด นายสกลธี ระบุว่า ในพื้นที่ กทม. ตัวบุคคลมีส่วน 30% และกระแสอีก 70% ดังนั้น ต้องยอมรับว่า การเป็น ส.ส.เก่านั้น ย่อมได้เปรียบ แต่การทำกระแส การสร้างนโยบายให้ประชาชนเชื่อมั่น พลังประชารัฐก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร ซึ่งเบื้องต้นตนได้เรียนหัวหน้าพรรคว่า การสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องยาก

 

เพราะทุกพรรคส่งตัวดีๆ ลงสนามเลือกตั้ง ซึ่งหัวหน้าก็บอกว่าให้ทำให้เต็มที่ ไม่ได้กำหนดว่าต้องได้กี่ที่นั่ง แต่ส่วนตัว คาดหวังว่า จะได้ 5-6 ที่นั่ง เป็นอย่างต่ำ เพราะตนไม่ต้องการประเมินให้เกินจริง การเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากปี 2562 มาก ทั้งการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวนพรรคมากขึ้น และล้วนแต่เป็นผู้สมัครน้ำดี จึงไม่อยากจะประเมินสูงไว้ก่อน ขอทำให้ดีที่สุดได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube