เพื่อไทย ชี้ คอร์รัปชัน – ยาเสพติด-ธุรกิจสีเทา คือรอยด่างประเทศที่ ‘ประยุทธ์’ สร้างไว้ ‘ชลน่าน’ ชี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องร่วมมือกันหยุดรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เลือกเพื่อไทยเป็นรัฐบาลยาเสพติดหมดไป
พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา ‘หยุดประยุทธ์ หยุดคอร์รัปชัน หยุดยาเสพติด หยุดธุรกิจสีเทา’ โดยมีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ดำเนินการเสวนา
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สร้างในสิ่งที่เป็นมหันตภัยอันใหญ่หลวง ทำลายโอกาสของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ทำลายสิทธิเสรีภาพและการปกครองในรอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดึงประเทศไทยที่กำลังจะมีประชาธิปไตยเต็มใบ กระชากกลับไปสู่ยุคเผด็จการ สร้างรอยด่างไว้มาก อาจทำให้ธนาธิปไตย หรือ Money Politic จะกลับมา
จากการคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งจะมีการใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท แต่ส่วนตัวตนเชื่อว่า ตอนนี้เงินจะไม่สามารถซื้อเสียงของพี่น้องประชาชนได้ เพราะไม่มีใครอยากเสียโอกาสอีกแล้ว สิ่งที่พลเอกประยุทธ์มอบให้คือการสูญเสียโอกาสของประชาชน จากโรคระบาดสู่ธุรกิจ เกิดปัญหาเชิงสังคมหลายมิติอย่างยาเสพติด ธุรกิจสีเทา ที่กลับมาเบ่งบาน การใช้ทรัพยากรของชาติบ้านเมืองอย่างไร้ทิศทาง รวมถึงการใช้สิทธิเสรีภาพอย่างมิชอบ การบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกิน ไร้นิติรัฐนิติธรรม ใช้กฎหมายทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามและผู้เห็นต่างทางการเมือง
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การคอร์รัปชันที่แย่ที่สุดคือการ ‘คอร์รัปชันอำนาจ’ ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอด และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กรณีดาราสาวไต้หวันถูกตำรวจไทยไถเงิน ต่อจากคลิปนักท่องเที่ยวจีนจ้างตำรวจไทยรับตั้งแต่สนามบินจนมีรถตำรวจนำพาเที่ยวที่คนเข้าดูเป็นล้านๆคน และก่อนหน้านี้ก็มีคดีตู้ห่าว
ซึ่งเกี่ยวพันถึงหลานชายพลเอกประยุทธ์ และมีการทุจริตของอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับเพื่อนสนิทพลเอกประยุทธ์ นอกจากนี้ยังพิสูจน์ชัดเจนจากดัชนีสากลที่วัดความโปร่งใสในการทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งปรากฏว่าอันดับความโปร่งใสของประเทศไทย ลดลงมาโดยตลอด โดยในปี 2560
อยู่อันดับ ที่ 96 ปี 2561 อยู่อันดับที่ 99 ปี 2562 อยู่อันดับที่ 101 และ ปี 2563 อยู่อันดับที่ 104 และ ปี 2564 อยู่อันดับที่ 110 ซึ่งชัดเจนว่า ทุจริตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมาตลอด แต่การทุจริตที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างมากกับประเทศจนถึงปัจจุบันคือการทุจริตทางด้านอำนาจ ซึ่งทำให้ประเทศเสื่อมถอยจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร และยังจะสืบทอดอำนาจโดยการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าข้างตนเอง แต่ความรู้ความสามารถไม่ถึงทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่จนถึงปัจจุบัน
พอคนวิจารณ์ก็ถูกเรียกปรับทัศนคติเหมือนที่ตนเคยถูกเรียกทั้งหมด 12 หน และตั้งแต่มีการเลือกตั้งในปี 2562 เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทยยังอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหนเลย เศรษฐกิจปี 2562 ขยายได้เพียง 2.4% ในปี 2563 เศรษฐกิจติดลบที่ – 6.2% จากวิกฤติการณ์โควิด ในปี 2564 ขยายได้เพียง 1.5% และปี 2565 น่าจะขยายได้เพียง 3% รวม 4 ปีแล้วเศรษฐกิจไทยยังขยายได้ไม่ถึง 1% ตลอด 4 ปีซึ่งย่ำแย่อย่างมาก แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังจะอยากอยู่ต่อ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำว่าทุนจีนสีเทาได้ยินครั้งแรกในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้นตอในการแก้ไขปัญหานี้ล่าช้าไม่ทันการณ์ เพราะหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก เมื่อผู้บังคับบัญชาระดับบนไม่กำชับ ไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง วิธีการแก้ไขทุนจีนสีเทา หรือทุนรูปแบบอื่นๆ คือ ต้องทำให้ขาว ประเทศไทยต้องได้ภาษี เหมือนกรณีที่ร้านอาหารไทยในยุโรปถูกเก็บภาษี 27% หากมีทัวร์จีนเข้ามาก็สามารถเก็บภาษี 30% มากกว่าทัวร์ไทยถูกเก็บ 10% เป็นต้น
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.66) คาดว่าร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ไม่น่าผ่านการพิจารณาของสภา เราจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการคัดค้านกฎหมายนี้ที่ผ่านมา รัฐบาลนี้เห็นคนไม่เท่ากัน ไม่เคยให้ความสำคัญ ไม่เห็นหัวประชาชน ดิสต์เครดิตการทำงานสภาตลอด ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนมีหลากหลาย มีตั้งแต่ดินถึงภูเขา เป็นการรวมกันของสภาประชาชน เพื่อไทยมีประชาชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก โอกาสของประชาชนมาถึงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจจากทฤษฎีเชิงประจักษ์ที่เห็นมาตั้งแต่ ปี 2557 หากกลไก 3 ส่วนถ่วงดุลกันได้ ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ทุนจีนสีเทาไม่มีแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews