Home
|
ข่าว

เด็กเพื่อไทย จี้สปสช.แก้ปัญหายกเลิกสิทธิบัตรทอง

Featured Image
“กวีวงศ์” ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เพื่อไทย จี้ สปสช. แก้ปัญหา ยกเลิกสิทธิบัตรทอง รพ.จำนวนมาก แนะ หาโรงพยาบาล-ขยายเวลาทำการ-จ้างบุคลากรเพิ่ม

 

 

นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางนา-พระโขนง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนโดยมีประชาชนหลายรายได้รับความเดือดร้อนอย่างมากจากการที่ สปสช. ยกเลิกสิทธิบัตรทอง 9 โรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะในเขตบางนา สปสชได้จัดโรงพยาบาลที่รับการรักษาแบบส่งต่อนั้นมีที่ตั้งอยู่ไกล ประชาชนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง ประกอบกับโรงพยาบาลที่ต้องรับการรักษาต่อนั้นไม่มีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยทุกโรค

 

ยกตัวอย่างผู้ป่วยที่มีอาชีพขายดอกไม้ ต้องเดินทางไปรับการรักษาแบบส่งต่อที่ โรงพยาบาล เดอะซีพลัส ถ. แพรกษา จ.สมุทรปราการ เสียค่าเดินทางไป-กลับถึง 500 บาท ผู้ป่วยบางรายไปถึงก็ต้องนอนปวดรอรับการรักษาอีก4-5 วัน โรงพยาบาล เดอะซีพลัส ถึงจะส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลของรัฐได้ ทำให้ผู้ป่วยต้องนอนรอเป็นเวลานาน ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนในเขตบางนาเดิมสามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยที่มีสิทธิบัตรทองได้แห่งละ 50,000 ราย

 

ตนจึงขอเสนอให้ สปสช. แก้ปัญหาเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาลนี้ให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน ด้วยการจัดหาโรงพยาบาลรัฐและเอกชนในพื้นที่เขตบางนาหรือใกล้เคียงเพิ่ม และให้โรงพยาบาลรัฐขยายเวลาทำการพร้อมจัดจ้างบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอเพื่อสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการรับการรักษาในวันหยุดราชการได้

 

เนื่องจากนโยบายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายสาธารณะที่ดำเนินมาตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย ได้รับการยอมรับจากนานาชาติยกย่องให้ประเทศไทยเป็นต้นแบบ ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า บนหลักการที่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ การแก้ปัญหาที่ผ่านมาของ สปสช. ด้วยการยกเลิกการขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรทองโรงพยาบาลในหลายเขต โดยไม่มีแผนรองรับ จึงเป็นการแก้ไขปัญหาแบบผลักภาระให้ประชาชน

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube