ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ….
ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติ รับหลักการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอไว้พิจารณา ด้วยคะแนนเสียง 565 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ 49 คน กำหนดเวลาแปรญัตติ 15 วัน โดยก่อนหน้านั้น สมาชิกที่เหลือลุกขึ้นอภิปราย โดยพลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกรัฐสภา เห็นว่า การปฏิรูปตำรวจจะประสบความสำเร็จ ต้องเกิดจากแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ที่เป็นธรรม หากมีการทุจริตต้องได้รับโทษปรับและโทษทางอาญา พร้อมขอให้ปรับกระบวนการสอบสวนการทุจริตแต่งตั้ง ต้องกันตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไว้เป็นพยาน อีกทั้งการแต่งตั้งผู้กำกับสถานีตำรวจ ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันการสั่งดำเนินคดีเกิดความผิดพลาด ขณะเดียวกันยังขอให้การจัดสรรงบประมาณต้องมีการกระจายอำนาจให้หน่วยงานระดับกองบัญชามีอำนาจในการพิจารณา
ด้านนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ สมาชิกรัฐสภา เห็นว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจมีการทุจริตอย่างกว้างขวาง มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง การบริหารงานบุคคลถูกแทรกแซง พร้อมเสนอให้การโยกย้ายข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ ต้องไม่ได้รับค่าตอบแทนในตำแหน่งเดิม เพราะถือว่าไม่ได้ปฏิบัติงานตรงตามสายงานจริง ขณะเดียวกันการแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับสถานีตำรวจ ต้องไม่ข้ามหน่วยงานและให้นำความรู้ความสามารถเป็นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง
ขณะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณีความเท่าเทียมระหว่างเพศชายและเพศหญิงในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นพนักงานสอบสวน ยืนยันไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ หากกำหนดลักษณะเพศไว้ในกฎหมาย อาจจะทำให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการเลือกปฏิบัติ พร้อมย้ำว่า ผบ.ตร. จะเป็นเพศหญิง ก็ได้ ขึ้นที่นโยบายและการปฏิบัติ เช่นเดียวกับการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงอื่น ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. และไม่สามารถปฏิหน้าที่ได้ ที่ประชุมจะคัดเลือกกรรมการขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทน แต่จะไม่มอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผบ.ตร. นั่งเป็นประธานในที่ประชุมแทน เกรงว่า จะทำให้เกิดปัญหาและข้อขัดแย้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news