“สำรองไว้ เผื่อฉุกเฉิน! “อนุทิน”เผยเบื้องหลังการนำเข้าวัคซีนแอสตราเซนนิกา ชี้ เป็นบทพิสูจน์ ไม่เคยหยุดคิดเรื่องจัดหาวัคซีนโควิด-19
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการรับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ไอโอเทคและจากบริษัท แอสตราเซนนิกา จำนวนประมาณ 3 แสนโดส วานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ว่าเป็นเรื่องน่ายินดี หน้าที่ของตนในฐานะผู้บริหารคือการจัดหา วัคซีนโควิด มาบริการคนไทย แต่เมื่อได้มาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ในการให้บริการต่อไป ทุกคนต่างรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าว เป็นการดูแลของคณะกรรมการที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งมีความเป็นกลาง หนักแน่น
ทั้งนี้ การได้วัคซีนของแอสตราเซนนิกาเข้ามา เป็นความพยายามนอกเหนือจากแผนการปกติ ดำเนินการโดยท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรคและผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน จัดหามาสำรองไว้ เพื่อรองรับหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ล็อตที่ได้สั่งเข้ามา ถือเป็นการตัดจากจำนวน 61 ล้านโดส ที่เคยสั่งไว้ก่อนหน้านี้ ความเป็นจริง ไทยต้องการซื้อเพิ่ม แต่ทางผู้ผลิตไม่ขาย สะท้อนให้เห็นว่า วัคซีนยังเป็นที่ต้องการของตลาดและหวังว่าในอนาคต เมื่อในตลาดมีวัคซีนให้เลือกมากขึ้น ตลาดจะกลับมาเป็นของผู้ซื้อ
นอกจากนั้น ยังสะท้อน ให้เห็นว่า ไทยมีการปรับแผนอยู่ตลอด เพื่อให้ได้วัคซีนเข้ามาใช้ในประเทศ รองรับกับความต้องการและสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า ประเทศไทยปิดกั้นวัคซีน ขอย้ำว่า ผู้ผลิตที่มีเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์ วัคซีนมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ผ่านเกณฑ์พิจารณา ก็พร้อมขึ้นทะเบียนให้
“อนุทิน”มอบ อสม. ผนึกกำลังทีมสธ.เดินหน้าภารกิจ “มดงาน” ให้บริการวัคซีนโควิด-19 ย้ำให้บริการฟรี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริการฯ ประชุมทางไกล กับ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หัวหน้างานสุขภาพภาคประชาชน ประธานชมรม อสม.จังหวัด อำเภอ ผู้แทนสาธารณสุขอำเภอ มอบหมายภารกิจ อสม.พร้อม บอกต่อเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 สร้างความมั่นใจประชาชนคืนรอยยิ้มประเทศไทย โดยนายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหาและจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยตาม
ความสมัครใจ ซึ่งขณะนี้วัคซีน 3 แสนโดสแรก ถึงประเทศไทยแล้ว ทั้งจากบริษัทซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนกา ซึ่งจะทยอยส่งจนครบ 63 ล้านโดสและฉีดให้กับประชาชนภายในปี 2564 กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มอบหมายให้ อสม.กว่า 1 ล้าน 5 หมื่น คน ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชนรวมทั้งให้สำรวจกลุ่มเสี่ยง และคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนเป็นอันดับแรก ให้คำแนะนำความสำคัญที่ต้องได้รับวัคซีน ความปลอดภัย รวมถึงขั้นตอนการรับการฉีดวัคซีนที่ผ่านมา อสม.ถือเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมการระบาด สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่า พลังของ อสม.จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในการเป็นกระบอกเสียง สร้างการรับรู้ และความเข้าใจเรื่องวัคซีน รวมถึงการสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข เป็นมดงานให้กับประเทศไทย ซึ่งต้องเสียสละทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ ในการปกป้องประเทศให้รอดพ้นจากโรคโควิด 19 ครั้งนี้
สำหรับประชาชน ในโดสแรก ขอย้ำว่า รัฐ เป็นเจ้าภาพ และได้มีการจัดสรรงบมาแล้ว ดังนั้น จะไม่มีการให้บริการแบบคิดค่าใช้จ่าย หากพบเห็นการให้บริการวัคซีน แล้วเก็บค่าใช้จ่ายต้องรีบดำเนินการตามกฎหมาย อย่าปล่อยให้มีการแอบอ้าง หาผลประโยชน์จากเรื่องสุขภาพของประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news