“รังสิมันต์” เปิดหลักฐานเพิ่ม หลังถูก ส.ว.ฟ้องหมิ่น
“รังสิมันต์” เปิดหลักฐานเพิ่ม หลังถูก ส.ว.ฟ้องหมิ่น เรียก 100 ล้าน อ้างเอกสารยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตั้งคำถามถึงตำรวจใกล้หมดสมัยประชุม จะจัดการ “อุปกิต”อย่างไร
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงเปิดหลักฐานเพิ่มเติม ต่อเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณี “ไทยดำ-จีนเทา” ซึ่งพาดพิงถึง นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จนทำให้ถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ว่า เนื่องจากหนึ่งในเอกสารที่นายอุปกิต ยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เนื้อหาสัญญาระบุว่า นายอุปกิต
ซึ่งเป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ ชาคริส ผู้ซื้อ ว่าตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา นอกจากนี้ นายอุปกิตยังแนบสำเนาหนังสือรับรองจากธนาคาร B.I.C. ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รับรองบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่ามีเงินฝากจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายอุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายของ ‘ทุนมินลัด’ นักธุรกิจชาวเมียนมา ต่อมาเมื่อมีการจับกุมทุนมินหลัด นายอุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่ง แล้วในปี 2562 ก่อนรับตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงโรงแรม ก็ขายไปแล้ว และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ตามที่ชาคริสให้การ ว่านายอุปกิตไปขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคา 300 ล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 การขายกิจการที่ว่าคือสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท ระหว่าง ผู้ขาย ลูกเขยของอุปกิต กับผู้ซื้อ 1 ใน 3 เจ้าพ่อพนันออนไลน์รายใหญ่ของไทย โดยมีนายอุปกิตลงนามเป็นพยานการซื้อขายครั้งนี้ด้วย ในสัญญาก็ระบุไว้ชัดเจนว่าบริษัท ที่ซื้อขายหุ้นกันตามสัญญานี้
เป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิในการบริหารและจัดการโรงแรม และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นสามัญจำนวน 6,691 หุ้นของบริษัท ซึ่งมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ นี่แสดงให้เห็นว่าสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม ไม่เคยไปเป็นของชาคริสในฐานะบุคคลธรรมดา ตามที่จะต้องเป็นตามสัญญาระหว่างอุปกิตกับชาคริสเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เลย
รังสิมันต์ตั้งคำถามว่า ตามข้อมูลนี้ หมายความว่าหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างนายอุปกิตกับชาคริสเป็นเอกสารเท็จ สัญญาซื้อขายไม่ได้เกิดขึ้นจริง ใช่หรือไม่ รายได้ที่เข้าบัญชีกัมพูชาของอุปกิตกว่า 8 ล้านดอลลาร์มาจากไหน เป็นเงินจากใคร และได้มาจากเรื่องอะไรกันแน่ การกระทำเช่นนี้เป็นการจงใจยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบหรือไม่ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้หรือไม่ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาที่แท้จริงของทรัพย์สินคือเงิน 8 ล้านดอลลาร์ ว่ามาจากที่ไหน
ซึ่งจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 และในมาตรา 114 ประกอบมาตรา 81 ยังกำหนดให้ ป.ป.ช. เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัยด้วย หากวินิจฉัยว่าผิดจริง อุปกิตจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ว. ถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสูงสุด 10 ปี โดยภายในสัปดาห์นี้ ตนจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ต่อไป
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ขอตั้งคำถามไปถึงหน่วยงานตำรวจ 3 ข้อ ข้อแรกคือเนื่องจากในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นวันปิดสมัยประชุมสภาฯ ทำให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ ส.ส. และ ส.ว. หมดไป จึงขอถาม ผบ.ตร. ในฐานะพนักงานสอบสวนระดับสูงสุด ว่าหลังจากตนเปิดหลักฐานไปหมดแล้ว ตำรวจจะดำเนินการอย่างไรต่อนายอุปกิต เรื่องนี้ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้
คำถามที่ 2 ถ้าข้อเท็จจริงชี้ว่าทรัพย์สินต่างๆ ของอุปกิตได้มาจากการฟอกเงิน หรือยังไม่มีความชัดเจนว่าอาจได้มาโดยผิดกฎหมาย จะต้องมีการยึดอายัดทรัพย์สินเหล่านั้นตามหลักปฏิบัติหรือไม่ ตำรวจจะกล้ายึดอาคารและที่ดินที่วันนี้เป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่ และคำถามที่ 3 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พยายามปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุปกิต แต่ตอนนี้ในฐานะประธาน ก.ตร. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ตนขอตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจที่รับผิดชอบคดีจับกุม ทุนมินลัต จึงถูกย้าย เป็นเพราะ พล.อ. ประยุทธ์รู้ใช่หรือไม่ ว่าตัวเองอาจหนีความรับผิดชอบไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews