“รังสิมันต์” รับ “พิธา-ปิยบุตร” คิดต่างปัดก้าวไกลแตกคอ แบ่งขั้ว รอเคลียร์ใจ ยันไร้ปัญหาธนาธร ขอทุกคนก้าวข้าม ร่วมขจัด 3 ป. และขอลุยเลือกตั้ง
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการตอบโต้ทางการเมืองระหว่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มองว่า ทุกฝ่ายอยากเห็นการกระทำของแต่ละฝ่ายที่ดีต่อกัน อย่างนายปิยบุตร โพสต์เฟสบุควิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง เชื่อว่า นายปิยบุตรอยากเห็นพรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ส่วนนายพิธา อาจจะคาดหวังให้นายปิยบุตรทำในส่วนอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวในเรื่องประชาธิปไตย
จนสุดท้ายสามารถบรรลุเป้าหมายตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่จนถึงยุบพรรค มาถึงวันนี้ ทั้งนี้ หากมองเบื้องหลังถ้อยคำรุนแรง ทุกคนต่างมีความปรารถนาดี จึงเป็นเหตุผลที่นายพิธาและพรรคก้าวไกล อยากให้นายปิยบุตรช่วยเท่าที่ช่วยได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า หลังจากที่นายปิยบุตรถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายปิยบุตรก็ไม่สามารถเข้ามามีบทบาทในพรรคได้ ดังนั้น จึงอาจทำเท่าที่ทำไหว เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากยุค 3 ป. แต่อาจจะมีคำพูดที่รุนแรงกันบ้าง ซึ่งตอนก็คิดว่าจะต้องปรับจูนกันใหม่
พร้อมยืนยัน ภายในพรรคไม่ได้มีปัญหาหรือขัดแย้งกัน และคนในพรรคไม่ได้แตกเป็น 2-3 ขั้ว แต่อาจจะมีความเข้าใจไม่ตรงกันและอาจใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกันไปบ้าง คงต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจที่จะเคลียร์กันให้ชัด ซึ่งคนที่เป็นสมาชิกพรรคและสนับสนุนพรรคก้าวไกล รักกันทุกคน ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร และนายพิธา รักทุกคนที่เคยเป็นองคาพยพในพรรคอนาคตใหม่
ขณะเดียวกัน ไม่ปฏิเสธว่า การใช้ถ้อยคำรุนแรงแล้วไม่มีปัญหา คงไม่เป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเดินหน้าเลือกตั้งต่อได้ ส่วนจะมีการนัดเคลียร์ใจกับนายปิยบุตรหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะตนยังไม่ได้เป็นคนนัดอะไร แต่คิดว่า เป็นกระบวนการที่ต้องนำไปคิด
อย่างไรก็ตาม การที่นายธนาธร ยังโพสต์สนับสนุนพรรคก้าวไกลนั้น ก็ชัดเจนว่า นายธนาธร ยังยืนยันในทวิตเตอร์ว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เป็นคำตอบของสังคมไทย เป็นพรรคการเมืองที่รับมรดกจากพรรคอนาคตใหม่ โดยเชื่อว่า นายธนาธรก็เป็นเพื่อนที่เดินร่วมทาง อาจจะไม่ใช่รถคันเดียวกัน แต่ปลายทางเดียวกัน
ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ตนยังมั่นใจในการต่อสู้การเลือกตั้ง ถ้ามองสถานการณ์นี้ อย่าเพิ่งไปมองว่า เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่เป็นเรื่องที่ต้องเดินผ่านไปให้ได้ เพราะเรายังมีศัตรู ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องเอาชนะให้ได้ คือ การปิดสวิตช์ 3 ป. เป็นเรื่องที่ฉุดหลังประเทศเราไว้ พร้อมย้ำว่า นโยบายพรรคก้าวไกลมีความแหลมคมมาก หากไม่สามารถก้าวข้ามผ่านได้ เราได้ที่นั่งในสภาไม่มากพอที่จะทำให้นโยบายที่แหลมคมประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาเข้มข้น มีความท้าทายรออยู่ ต้องก้าวผ่าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews