สภาถกร่างธน.วาระ2ไม่ห้ามแม่น้ำ5สายเป็นสสร.
รัฐสภาถกร่างแก้ รธน.วาระสอง ไม่ห้ามแม่น้ำ 5 สายเป็น สสร. แต่ยังคงห้ามพระภิกษุสามเณร และ ให้ส.ว. มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเหมือนเลือก ส.ส.
การประชุมร่วมกันของ รัฐสภา วันนี้ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ในวาระที่สอง เรียงรายมาตราต่อเนื่อง หลังเปิดให้สมาชิกอภิปรายเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็น ส.ส.ร. โดยสมาชิกรัฐสภาที่สงวนคำแปรญัตติ เช่น ส.ส.ฝ่ายค้าน ส่วนใหญ่ ได้อภิปรายถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็น ส.ส.ร.
โดย นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายกรณีการห้ามไม่ใช่พระภิกษุสามเณรมีส่วนร่วมในการเป็น ส.ส.ร. เนื่องจากเห็นว่า การร่างรัฐธรรมนูญจะต้องให้สิทธิทุกคนได้แสดงความเห็นอย่างเท่าเทียมกันเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากกลไกของรัฐต้องเข้าไปดูแลคณะสงฆ์ อีกทั้งยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน
ทำให้นายเสรี สุวรณภานนท์ กรรมาธิการ ยืนยันว่า คุณสมบัติลักษณะต้องห้ามที่คณะกรรมาธิการบัญญัติไว้เป็นมาตรฐานที่เหมาะสมแล้ว ส่วนข้อเสนอที่จะให้พระสงฆ์เข้ามาทำหน้าที่ใน ส.ส.ร.นั้น เนื่องจาก พระสงฆ์อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ หากพระสงฆ์มีส่วนร่วมทางการเมือง เกรงว่าจะเกิดความเห็นที่แตกต่างอาจส่งผลให้ประชาชนไม่เคารพพระสงฆ์ เกิดความเสื่อมศรัทธาในศาสนาและมีปัญหาตามมา ซึ่งไม่ได้เกิดจากความรังเกียจหรือไม่ต้องการให้พระสงฆ์เข้ามายุ่งทางการเมือง
สำหรับข้อท้วงติงเกี่ยวกับประเด็นที่ไม่ควรให้บุคคลที่มาจากแม่น้ำ 5 สายเข้ามาเป็น ส.ส.ร.นั้น ถือเป็นความคิดที่สามารถคิดได้ แต่ข้อเสนอดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามบ่งชี้ว่าสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรงฉะนั้น ข้อเสนอดังกล่าวถือว่า เป็นเพียงข้ออ้าง หรือต้องการก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ และอาจนำไปสู่การความพยามให้วุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งการเขียนรัฐธรรมนูญต้องใช้หลักการสำคัญ มีเหตุมีผล ใช้ความเป็นผู้ใหญ่ในการตัดสินค่าบุคคลใดสมควรจะอยู่ในตำแหน่งใด
ที่สุดแล้วที่ประชุมมติเห็นชอบในมาตรา 256/3
ตามที่คณะกรรมาธิการมีการแก้ไข ด้วยคะแนนเสียง 539 ไม่เห็นด้วย 50 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง ไม่คะแนนเสียง 1 เสียง ขณะเดียวกันยังมีมติเห็นชอบกับคณะลลที่มีการตัดมาตรา 256/4 เท่ากับไม่ห้ามคนจากแม่น้ำ 5 สายเป็น ส.ส.ร. แต่ยังคงห้ามพระภิกษุสงฆ์
ส่วนมาตรา 256/5 เกี่ยวกับการกำหนดเขตเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีกรรมาธิการและสมาชิกสงวนความเห็นไว้อย่างหลากหลาย ซึ่งสมาชิกรัฐสภาบางส่วนเสนอให้จำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้ใช้จำนวนประชากรทั้งประเทศเฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิก ส.ส.ร.จำนวน 190 คน ซึ่งจำนวนที่ได้รับถือว่าเป็นจำนวนประชากรต่อสมาชิก ส.ส.ร.หนึ่งคน ขณะที่ บางส่วนเสนอให้มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ใช้วิธีการออกเสียงโดยตรงและลับ ซึ่งให้แต่ละเขตเลือกตั้ง ส.ส.ร.ได้เขตละ 1 คน
โดยนายวิเชียร ชวลิต กรรมาธิการและนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมาธิการ เสนอให้มีการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ร. จำนวน 200 เขต ในลักษณะเดียวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะให้ประชาชนเกิดความเข้าใจได้ง่าย ไม่เกิดความสับสน และสามารถตัดสินใจเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเมือง พร้อมแสดงความไม่เห็นด้วยกับการใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เพราะจะทำให้คนที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลสามารถเข้ามาได้ ดังนั้น หากมีการแบ่งเป็นเขตเล็กจะทำให้ ส.ส.ร. มีความใกล้ชิดและสามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่าย
ที่สุดแล้วที่ประชุมมติเห็นชอบกับการแก้ไขของนายวิเชียร ชวลิตและคณะกรรมาธิการที่สงวนความเห็นให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตละหนึ่งคนเหมือนการเลือกตั้งส.ส. แทนเขตจังหวัดด้วยคะแนนเสียง 395 เสียง ไม่เห็นด้วย 18 เสียง งดออกเสียง 232 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news