Home
|
ข่าว

นายกฯอุบปรับใหญ่ครม.ไม่ตอบสลับกระทรวง

Featured Image
นายกฯ ขอเลิกพูดโควตาครม. ทุกอย่างยังเป็นไปตามเดิม คุยหัวหน้าพรรคแล้ว รอการเสนอชื่อ คิดอยู่สลับกระทรวง

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะรัฐมนตรี
ที่เกี่ยวข้อง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ กพอ. ครั้งที่ 1/2564

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เป็นการติดตาม ความก้าวหน้าของที่ประชุม eec ซึ่งมีผล ออกมาเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการลงทุนต่างๆขณะนี้
มีการดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ซึ่งมีเม็ดเงินมากพอสมควร แต่สำคัญที่สุด คือ การดูแลประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ ที่ต้องส่งมอบให้กับโครงการเพื่อจัดทำสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ขณะเดียวกันมีการจัดหาที่อยู่ที่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่บุกรุกอยู่ในเขตการทางการรถไฟ โดยเน้นย้ำว่าจะต้องลดปัญหาของประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งก็ต้องเห็นใจว่าบางอย่างนั้นเป็นเรื่องของกฎหมาย ที่จะต้องดูแลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของประเทศ พร้อมกับมีการพูดถึงการลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น จีน เนเธอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศ ซึ่งสนใจเรื่องอุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมดิจิทัล และ 5G ซึ่งประเทศไทยทำได้เร็วกว่าประเทศอื่นในอาเซียน รวมถึงเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมีการใช้งานแล้วในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้รายงานผลการปฏิบัติงานในทุก 3 เดือน ซึ่งยืนยันว่าทุกอย่างยังคงอยู่ในเป้าหมายตามที่วางไว้เดิม ซึ่งมีการ
ติดต่อกับคู่ค้าต่างประเทศมาโดยตลอด เพื่อทราบทิศทางการลงทุนต่อไป โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่าทุกพื้นที่ย่อมมีปัญหา และพร้อมที่จะ
เผชิญหน้ากับอุปสรรค เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยถึงรายละเอียดการปรับคณะรัฐมนตรี
ซึ่งจะมีการเสนอมา และตนเองจะพิจารณาในภาพรวม ทั้งหมดขอให้เป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง
2 ท่าน ทั้งในเรื่องของการทำงาน และขอความร่วมมือให้บ้านเมืองเดินหน้าไปให้ได้ เรื่องการเมืองได้พูดคุยกันไปแล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นการปรับใหญ่หรือปรับแค่ 3 ตำแหน่งที่ว่าง หรือมากกว่านั้น ต้องไปดูอีกที ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร ทุกอย่างยังเป็นไปตามเดิม ขอให้เลิกพูดเรื่องสัดส่วน ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการเอง สลับกระทรวงหรือไม่ก็ยังคิดอยู่

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวติดตลกในช่วงท้ายกับสื่อมวลชน ว่า ไม่ต้องไปแอบถามรองนายกรัฐมนตรีอีก เพราะได้คุยกันหมดแล้ว คุยกัน
หลายเรื่อง การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน ส่วนจะให้สิทธิ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ดำเนินการในส่วน
ของการเมืองใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกพรรคก็ประชุมกัน หากจะมีการปรับก็จะมีการเสนอมา จะดูความเหมาะสม

ทั้งนี้ ก่อนเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี ได้ชี้ไปที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมกล่าวว่า เดี๋ยวก็ไปแอบถามกันอีกให้เป็นเรื่องเป็นราว คิดเหมือนกันพูดตรงกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพร้อมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ฉีดไปแล้ว ไม่เป็นอะไร และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมซึ่งเป็นเรื่องของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ในส่วนของตนเองยังต้องรอแพทย์ เพราะมีวัคซีนหลายส่วนด้วยกัน ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยพร้อมจะฉีดให้ตนฉีดเมื่อใดก็เมื่อนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อะไรที่เป็นเรื่องเล็กน้อยขออย่าตีหรือกระพือขึ้นมาทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น คิดว่ารัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่ให้
ประชาชน ด้วยขีดความสามารถที่เรามีอยู่ ของทุกกระทรวง ทุกงบประมาณให้ดีที่สุด ตนเชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆปลดไปเรื่อยๆ ถ้าวัคซีน
แก้ปัญหาได้ก็จะยิ่งดีขึ้น แล้วทำไมเราจะเอาอะไรที่มันเป็นไม่ใช่สาระสำคัญมาทำให้บ้านเมืองมันเดินไปไม่ได้ ขอร้องกันแค่นั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การชุมนุมวานนี้ ว่า ทุกคนเห็นอยู่แล้วเป็นการชุมนุมรุนแรง ดังนั้นขอให้สื่อเสนอข่าวทั้งสองทาง ไม่ใช่บางสื่อ เสนอข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงแต่เพียงข้างเดียวแต่ภาพอีกฝ่ายไม่ออกเลย ซึ่งบ้านเมืองจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงขอร้องไปยังสื่อทุกสื่อ ซึ่งตนได้ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมออกข่าวแต่เพียงข้างเดียวว่าตำรวจใช้ความรุนแรง

พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า การชุมนุม ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของตำรวจ และบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ ที่มีการหวงห้าม
และมีการใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ ต้องมีการใช้มาตรการ ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราจะอยู่อย่างไรใน
ประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้นก็ขอให้นึกถึงบ้านเมืองเป็นหลักด้วย จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองมีความสงบ เครพกฏหมาย เป็นไปตามกฏหมาย
ของบ้านเมืองก็เท่านั้นเอง

พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบไหนก็ตาม ก็ต้องมีกฏหมาย ที่ปฏิบัติคุ้มครองในการดูแลสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการสู้คดีก็ว่ากันไป
เราไม่ได้ละเมิดอะไรผู้ชุมนุมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าผู้ชุมนุมละเมิดกฏหมาย ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ที่จะต้องดำเนินการ ดังนั้นเห็นใจเจ้าหน้าที่
ตำรวจบ้าง เพราะทำงานหนัก ที่ต้องอดทน และได้รับความรุนแรงที่เกิดขึ้น และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ เสียหายเหมือนกัน แล้วการทำลายข้าวของ
ทรัพย์สินราชการใช่หรือไม่ ทำได้หรือไม่ หากอยากจะชุมนุม ก็ขอให้ชุมนุมอย่างสงบ แต่จะชุมนุมสงบหรือไม่สงบเรื่องนี้กฏหมายจะเป็นตัวตัดสินอยู่แล้ว

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube