ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย แจงกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ช่วยปั๊มหัวใจคนไทย ยืนด้วยลำแข้งไม่ใช่การหยอดน้ำข้าวต้ม ลั่นไม่ได้มองประชาชนเป็นยาจก ขออย่าเรียกประชานิยมสุดโต่ง ชี้เล็งเก็บภาษีเพิ่มทำให้เศรษฐกิจโตได้ปีละไม่ต่ำกว่า 5%
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคและกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงไขข้อข้องใจนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000บาท ของเพื่อไทย
โดยนายเศรษฐา ระบุว่า สาเหตุที่ให้เป็นดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่เงินสด เพราะสามารถจำกัดการใช้ได้ด้วยเทคโนโลยีที่จะสามารถแจ้งข้อมูลได้ว่านำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาว่าจะสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปใช้เพื่อชำระหนี้สถาบันการเงินได้
ส่วนที่ให้ในระยะเวลา 6 เดือนเพราะต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดรัศมีในการใช้ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่ในบัตรประชาชนส่วนกรณีในระยะ 4 กิโลเมตรไม่มีร้านค้า ก็อาจจะขยายเป็นระยะ 6.5 หรือ 7.5 กิโลเมตร ส่วนกรณีที่อยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับที่บัตรประชาชนไม่สามารถใช้ได้ เพราะนโยบายนี้ต้องการให้ใช้เงินที่บ้านเพื่อขยายความเจริญไปในระดับภูมิภาค หาก 6 เดือนไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเงินจำนวนนี้ก็จะหายไป
ด้านนพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ทุกนโยบายของเพื่อไทยมีการทดสอบ ทดลองว่าสามารถทำได้จริงจึงประกาศเป็นนโยบายทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เพื่อไทยไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อยืดความตาย แต่มองว่าต้องปั๊มหัวใจ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นให้ตรงเป้า
ซึ่งจะเห็นได้ชัดในภาคเกษตร เพราะเงินส่วนนี้จะเป็นต้นทุน สร้างการเกิดรายได้เพิ่ม นโยบายนี้เป็นมาตรการระยะสั้นแต่ระหว่าง 6 เดือนที่มีการใช้เงินนี้จะมีมาตรการอื่นออกมาเพิ่ม เป็นการปลุกเร้าให้คนมีแรงสู้
ด้านนายเผ่าภูมิ กล่าวถึง การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ซึ่งโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน ต้องเริ่มจากการสร้างโครงสร้างวันนี้เพื่อไทยประกาศนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล สนับสนุนโดยเทคโลโลยีบล็อคเชนระบบการเงินยุคใหม่ จากนี้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะมี 2 บัญชี คือบัญชีออมทรัพย์ปกติผูกกับธนาคาร และบัญชีดิจิทัลผูกกับบัตรประชาชนโดยอัตโนมัติ จึงเป็นที่มาในการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้ประชาชน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้ระบบใหม่
ซึ่งมีความแตกต่างจากแอพพลิเคชันเป๋าตังค์ที่เป็นเงินในโลกยุคเก่า ขณะที่บล็อคเชนเป็นเงินในโลกยุคใหม่ที่สามารถเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ ทำให้ไทยเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
ด้านนายจักรพงษ์ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเปิดโอกาสให้เลือกระหว่างใช้บัตรกับกระเป๋าเงินดิจิทัลเชื่อว่าหากเริ่มใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเมื่อใดประชาชนจะไม่อยากใช้บัตรคนจนอีก ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณส่วนนี้ไปประมาณ 50,000 ล้านบาทและเมื่อพรรคเพื่อไทยมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถรีดงบส่วนเกินจาก พรบ.งบประมาณฯ ได้อีกหลายแสนล้านบาท
ส่วนกรณีนักวิชาการมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว อาจกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ นายเศรษฐา ระบุว่า ระหว่างการใช้นโยบายนี้พรรคเพื่อไทย มีนโยบายอื่นเพิ่มรายได้ให้ประชาชนควบคู่ไปด้วย ทั้งการพักหนี้ ค่าแรง 600 บาท เงินเดือน 25,000 บาท ซึ่งจะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(vat) ได้มากขึ้น ย้ำว่าเป็นความจำเป็นและความต้องการของประชาชน ไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่ง และมั่นใจว่าหากได้เป็นรัฐบาลในระยะเวลา 4 ปีจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 5%
ส่วนจะต้องลดงบประมาณของหน่วยงานรัฐใดบ้างนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นการลดงบประมาณโดยดูตามความเหมาะสม ไม่ใช่แค่แค่กองทัพ แต่ต้องดูส่วนอื่นด้วย
นายเศรษฐา ยังชี้แจงเพิ่มเติมเรื่องการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล ว่าเงินส่วนนี้สามารถใช้ในสาธารณูปโภคพื้นฐานได้ สามารถใช้กับร้านสะดวกซื้อได้และใช้ได้ทุกคนไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำ คาดว่าใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท และเป็นการให้แค่เป็นครั้งเดียว ซึ่งหากเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งคาดว่าเดือนม.ค.ปี67 ก็สามารถริเริ่มโครงการได้
ส่วนกรณีหลายฝ่ายมองว่าอาจเข้าข่าวการสัญญาว่าจะให้ นพ.พรหมมินทร์ มั่นใจว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะเป็นการให้คนไทยทุกคน ไม่ใช่เจาะจงเฉพาะกลุ่ม
ส่วนกรณีมีบางพรรคการเมืองออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยเคยพูดว่าบัตรคนจนเป็นการตอกย้ำความจน แต่เมื่อเพื่อไทยออกนโยาบายนี้จึงถูกวิจารณ์กลับว่ามองประชาชนเป็นยากจกนั้น นายเศรษฐาหัวเราะ ก่อนยืนยันว่าไม่เคยมองคนเป็นยาจก แต่มีเป้าหมายช่วยคนให้พ้นหลุมดำของความยากจน กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะเป็นจุดสตาร์ทให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ถือการเป็นช่วยเหลือไม่ได้มองว่าเป็นยาจก
ด้านนพ.พรหมมินทร์ กล่าวเสริมว่าคนที่พูดแบบนี้อาจจะไม่เข้าใจ หรือมองจากมิติของตัวเอง ประเทศถอยหลังไปเยอะ เปรียบเหมือนคนกำลังจมน้ำเงินดิจิทัลเปรียบเหมือนห่วงชูชีพช่วยคนขึ้นมาพักหายใจ ให้ประชาขนยืนบนลำแข้งตัวเองอย่างมีศักดิ์ศรี
ซึ่งงบทั้งหมดในกรอบที่เสนอไปทั้งฝ่ายเศรษฐกิจและกฎหมายดูแลอย่างใกล้ชิด ว่าเป็นไปตามกรอบงบประมาณ คือการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิมพร้อมเปรียบว่าเหมือนประเทศไทยมีรถเฟอร์รารี แต่ให้คนขับเกวียนมาขับ ต่อไปนี้นักแข่งรถมาเอง
ด้านนายเผ่าภูมิ ปิดท้ายว่า เราคือทุนนิยม แต่เป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ ใช้หลักการรดน้ำที่ราก เห็นความสำคัญเศรษฐกิจทุกระดับ พร้อมยืนยันพรรคเพื่อไทยมีความรับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews