นายกฯ FB เร่งหาวัคซีนโควิด-19 ย้ำจะมีมาเพิ่มทุกเดือนจนสิ้นปี ครบ 63 ล้านโดส และกำลังจัดหาเพิ่ม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า ตอนนี้ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วมีการกระจายวัคซีนไปใน 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงก่อน เพื่อฉีดให้กับหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานแนวหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามแผนฉีดวัคซีนของ เดือนนี้ และเดือนต่อๆไป จะได้วัคซีนเข้ามาทุกเดือน จนถึงสิ้นปีรวม 63 ล้านโด้ส กระจายไปได้ทั่วประเทศ และฉีดได้ครอบคลุมมากขึ้น
ได้รับรายงานว่า ทุกคนที่ฉีดไปแล้ว สบายดีครับ ยังไม่มีใครแพ้หรือมีผลข้างเคียง นอกจาก 63 ล้านโด้สที่จองซื้อไปแล้ว และกำลังทยอยมา เรากำลังหาวัคซีนมาเพิ่ม เพื่อฉีดให้ได้ทุกคน หรือครอบคลุมให้ได้มากที่สุด อาจจะเป็นวัคซีนตัวเดียวกันหรือวัคซีนใหม่ที่ผ่านการรับรองแล้ว เราดูทุกตัวโดยพิจารณาความเหมาะสมทุกๆ ด้าน
วัคซีนที่เราฉีดกันอยู่ตอนนี้คือ ซิโนแวค จากจีน ซึ่งหลายๆ ประเทศก็ได้ฉีดไปแล้วเช่นกัน วัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีน ที่ยังไม่มีผลการทดลองที่มากพอในกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จึงได้รับคำแนะนำว่า อย่าเพิ่งฉีดให้คนที่มีอายุเกิน 60 ปี รอผลการทดลองอีกสักหน่อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปลอดภัย
หรือไม่นะครับ วัคซีนทุกตัวที่ใช้ได้รับการรับรองความปลอดภัย และรับรองว่าได้ผลครับ
ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายท่าน ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว ส่วนผมนั้น คุณหมอแนะนำให้ฉีดวัควีนของแอสตร้า เซเนก้า ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ แต่แอสตร้า เซเนก้าที่เราได้มา 1.1 แสนโด้สยังอยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน รับรองจาก อย. ก็ต้องรอก่อน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานก็จะเรียบร้อยผมจะไปฉีดก่อนก็ไม่ได้นะครับ ทั้งคนสั่งให้ฉีด และคนฉีดให้ก็จะผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ที่เราทำควบคู่กันไป ผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข ทำการศึกษาและประสานงานเรื่อง การรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อใช้ประกอบการเดินทางระหว่างประเทศอยู่ เรื่องนี้ในระดับนานาชาติ ก็ยังไม่มีข้อยุติอย่างเป็นทางการนะครับ มีทั้งที่อยากให้มีและที่ท้วงติงว่าเร็วเกินไปขอให้รอดูอีกสักระยะว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากน้อยแค่ไหน คนในประเทศเดียวกันเองก็ยังเห็นไม่ตรงกัน ผู้ที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวก็อยากให้มีการรับรองเร็วๆ แต่ยังมีอีกมากที่ยังไม่แน่ใจ
อย่างไรก็ดี ผมได้สั่งการไปแล้ว ให้ลงมือศึกษา เตรียมพร้อมไว้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องไปพร้อมกับประเทศอื่นๆด้วย สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จะมีใบรับรองการฉีดวัคซีนให้ คงเหมือนกับใบรับรองการฉีดวัคซีนเวลาไปต่างประเทศ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยใช้กัน ยกเว้นคนที่จะไปทำงาน หรือไปเรียนต่อหรือไปประเทศที่เขากำหนดว่า ต้องมีใบรับรองว่าฉีดวัคซีนป้องกันโรคเฉพาะบางโรค เรื่องนี้ทำกันมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่
สุดท้าย ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า แม้เราจะดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่เราก็ต้องไม่ละเลยที่จะป้องกันตัวเอง ที่ผ่านมาเราก็ประสบความสำเร็จด้วยดีหน้ากากอนามัยยังเป็นอุปกรณ์สำคัญ อย่าลืมเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นดูแลให้ตัวเองปลอดภัยอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขอบคุณครับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news