“เศรษฐา”นำทีมเพื่อไทย ถกผู้ประกอบการอุตสาหกรรม-หอการค้าสมุทรสงคราม ลั่นพร้อมดันแก้ประมงเป็นวาระแห่งชาติ ย้ำถ้าเสียงในสภามากพอ แก้ กม.ที่เป็นอุปสรรคแน่นอน
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการ และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ณิชาภา โกวิทานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.จ.สมุทรสงครามพรรคเพื่อไทย เดินทางมายังสหกรณ์ประมงแม่กลอง เพื่อพบผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและหอการค้า จังหวัดสมุทรสงคราม
โดยตัวแทนกลุ่มชาวประมงจ.สมุทรสงคราม สะท้อนปัญหาว่า คนที่จะเป็นนายกฯได้ต้องเข้าถึงประชาชน วันนี้เราได้อยู่ใกล้ว่าที่นายกฯ จึงขอฝากว่า เดิมเศรษฐกิจในพื้นที่ของเราสูงถึง 6-7 พันล้านบาท แต่ปัจจุบันลดลงอย่างมาก ซึ่งตรงนี้ส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปหมดทั้งพ่อค้า แม่ค้า ลูกจ้าง เราเรียกร้องมาตลอดว่าขอให้แก้ปัญหาไอยูยู เพราะเงื่อนไขตรงนี้เรียกได้ว่าทำลายอาชีพประมงไทยเสียหายแล้วว่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาทในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
พวกเราเชื่อว่า การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวระหว่างรัฐบาลประชาธิปไตย กับรัฐบาลประชาธิปไตยด้วยกันจะได้ผลที่ดีกว่า เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาที่ไอยูยูใช้เงื่อนไขความไม่เป็นประชาธิปไตยมาบีบเรา ทั้งที่เราไม่ได้ทำความผิดกฎหมายอะไรร้ายแร้งในน่านน้ำสากลเลย วันนี้พวกเราชาวประมงรอวันตายทุกวันๆ รัฐบาลที่จะเข้ามาต้องแก้ พ.ร.บ.ประมง ที่ทำเหมือนพวกเราเป็นโจร
รัฐบาลนี้ใช้ม.44 มาจัดการกับพวกเรา ทั้งที่ไม่ควรทำแบบนี้ พวกเราเคยไปร้องไห้ในที่ประชุมมาแล้วว่าท่านทำแบบนี้กับพวกเราได้อย่างไร และวันที่ 1 ก.ค.58 พวกเราจอดเรือพร้อมกันทั้งประเทศ มีการปิดตลาดปลา และตลาดซื้อขายสินค้าทะเลทั่วประเทศ นี่คือผลกระทบจาก พ.ร.บ.ประมง พ.ศ.2558 ที่เกิดขึ้น ตรงนี้หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะสามารถทำเรื่องนี้เป็นวสระแห่งชาติได้หรือไม่
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและหอการค้า จังหวัดสมุทรสงคราม สะท้อนปัญหาว่า เราเจอปัญหาผังเมืองครอบการพัฒนา และการเพิ่มโอกาสในการใช้ประโยชน์ เราอยากให้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์ตรงนี้เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดิน และทรัพยากรได้ นอกจากนี้พื้นที่ทับซ้อนกับหน่วยงานราชการต่างๆ กฎหมายทับ้อนกันไปมา ทำให้ประชาชนสับสนมาก
พื้นที่ชายทะเล ริมคลอง ริมแม่น้ำ ถูกครอบทั้งหมด พื้นที่ริมฝั่งถูกดูแลโดย 4 กรม 1 ท้องถิ่น เวลาประชาชนจะขออนุญาติใช้ประโยชน์ ไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหน ประเด็นต่อมา คือการสนับสนุนส่งเสริม SME ในพื้นที่ วันนี้น้ำตาลสดเป็นสินค้าที่สำคัญของเรา แต่กรมสรรพสามิตรกลับเก็บภาษีสินค้าที่มีน้ำตาลเพิ่มขึ้น โดยเอาเรื่องสุขภาพของประชาชนมาอ้าง คำถามในมุมกลับกัน ผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบตรงนี้จะทำอย่างไร เราเป็นคนตัวเล็ก แต่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อตัวใหญ่แบบธุรกิจใหญ่ เราต้องทำอย่างไร
ทั้งนี้นายเศรษฐา ระบุว่า ตนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างแน่นอน เราจะเจรจา และแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับต่างชาติใหม่อีกครั้ง ตนเข้าใจว่าพวกเราทนมา 8 ปี ตนขอเวลา และขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาแก้ปัญหา ตนอยากให้พี่น้องชาวประมงบอกมาเลยว่า หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ท่านต้องการให้พรรคเพื่อไทยทำอะไรก่อนเป็นลำดับ 1-2-3
เราพร้อมหาทางแก้ไขปัญหาให้ ส่วนการผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข ดังนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ นอกจากนี้ เรื่อง SME เรามองว่าเป็นธุรกิจเฉพาะ เราต้องวางแนวทางว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ เช่น ต้องเร่งเปิดตลาดใหม่เพื่อทำให้มีการส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น เราเข้าใจเรื่องที่บริษัทรายย่อยเสียเปรียบบริษัทใหญ่ๆ เราอยากให้ผู้ประกอบการ SME เสนอโซลูชั่นมาให้กับทางพรรคเพื่อไทยเพื่อที่เราจะสามารถวางแนวทางให้ท่านได้อย่างตรงจุดด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews