“ศ.ดร.นฤมล”ลงพื้นที่เอกมัย 19 ช่วย”ไปป์ ภูวกร”ชู นโยบายบ้านประชารัฐ 360 องศา เปลี่ยนเงินเช่าเป็นเงินผ่อน สานฝันให้ทุกคนมีโฉนดของตัวเอง
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อมด้วย นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กทม. เขตวัฒนา-คลองเตย หมายเลข 8 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ชุมชนลีลานุช เอกมัย 19 พร้อมเปิดตัวพื้นที่ต้นแบบ “บ้านประชารัฐ 360 องศา” โครงการต้นแบบจากนโยบายบ้านประชารัฐ 360 องศา “เข้าถึง เข้าใจ ทำได้จริง”โดยได้ร่วมพูดคุยและรับฟังความคิดเห็น รวมถึงข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในชุมชน
โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า วันนี้มาดูแลนโยบายเพื่อที่จะทำให้กับเขตคลองเตยวัฒนา โดยผู้สมัครของพรรคนายภูวกร หรือไปป์ ได้มีการเสนอกับผู้บริหารพรรคให้แก้ไขในเรื่องของที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งทันทีที่ได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภา จะต้องมีการผลักดันผ่านหน่วยงานต่าง ๆ และ กทม.รวมถึงภาคเอกชนที่จะต้องเข้ามาช่วยในเรื่องของการออกแบบก่อสร้าง ตกแต่ง ให้ถูกใจผู้อยู่อาศัย และบริเวณภายนอกก็ควรจะเหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ นอกจากนี้จะต้องมีการประสานกับธนาคารของรัฐ ที่จะเข้ามาช่วยในด้านการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วย
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะผลักดันให้เป็นสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ซึ่งอยู่ในโครงการบ้านประชารัฐ และเป็นบ้านหลังแรก โดยพี่น้องประชาชนก็จะได้มีบ้านที่สวยงาม มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และสามารถสร้างรายได้ให้คนในชุมชนได้ เช่น เมื่อเรามีการพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านค้าอื่นๆ ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา รายได้ก็จะตามมา
ด้านนายภูวกร กล่าวว่า ตนเป็นคนเกิดที่นี่ และต้องการจะผลักดันโครงการบ้านประชารัฐ วันนี้ตนได้รับข่าวจากประธานชุมชนว่าในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามชุมชน ได้โดนไล่รื้อถอนบ้านที่อยู่อาศัยไปแล้ว ตนจึงไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกในชุมชนนี้ ตนต้องการให้ชุมชนลีลานุชแห่งนี้ เป็นชุมชนแรกที่ได้ริเริ่มโครงการบ้านประชารัฐ ที่ผ่านมาเราเคยมีบ้านลักษณะเช่นนี้จากภาครัฐแล้วก็เช่นนี้มาแล้วแต่วันนี้จะทำให้ดีขึ้นอีก
ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล ได้กล่าวถึงบรรยากาศ หาเสียงในพื้นที่ในภาพรวมของ กทม.ว่า ส่วนใหญ่ที่ไปพบและพูดคุยจะพบว่า ประชาชนอยากจะให้ช่วยในเรื่องเศรษฐกิจและการทำมาหากิน เพราะนอกจากในเรื่องที่อยู่อาศัยแล้ว พื้นที่ในการทำมาหากินก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีการจับมือกันหลาย ๆ ฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาและสนับสนุนประชาชนให้สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองได้
นอกจากนี้ภายหลังจากสถานการณ์โควิด 19 ผ่านไป มีผลกระทบทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากมาก พรรคพลังประชารัฐจึงมีนโยบายจัดตั้งกองทุนที่จะมาพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ที่มีพระราชบัญญัติรองรับอยู่แล้ว นำมาพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยกลไกของตลาดทุนจะเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews