“ประยุทธ์” เตรียมของบ กกต. ช่วยเหลือค่าไฟประชาชน ยอมรับ ไม่สบายใจประชาชนเดือดร้อน เร่งหารือ กระทรวงพลังงาน พร้อมเล็งรื้อโครงสร้างระบบพลังงานใหม่ ยืนยัน เล่นสนามการเมืองแล้วไม่กลัวใคร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวนโยบายและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่ายอมรับว่า ตอนนี้ตนเองห่วงเยาวชน โดยเฉพาะอายุ 18 ปี ที่กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ที่ขณะนี้มีการหาเสียงในรูปแบบต่างๆยืนยันว่าตอนนี้ตนเองไม่กลัวใคร ยิ่งเป็นนักการเมืองแล้ว ยิ่งไม่กลัว ถ้ากลัวก็ไม่เข้ามาในสนามนี้ แต่ยอมรับว่า สิ่งเดียวที่กลัวคือกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม พร้อมกันนี้ระบุว่า ตนเองมีความมั่นใจ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการหาเสียงเลือกตั้ง ยืนยันว่าจะลงพื้นที่ทุกวัน
โดยจะใช้กลยุทธ์เดินพบปะประชาชนและขึ้นเวทีปราศรัย ซึ่งจะผสมผสานกัน เพราะมีคนหลายกลุ่ม ยอมรับว่าได้รับเสียงสะท้อนนั่นคือการแก้ไขปัญหาค่าไฟที่มีการปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้กำลังแก้ไขอยู่ ยอมรับว่าตนเองมีความกังวลในเรื่องนี้ ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองได้ดูในเรื่องของโครงสร้างที่ต้องปรับปรุง และขอร้องสื่อก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิดซึ่งขณะนี้ตนเองได้สั่งการไปแล้ว ว่าสิ่งไหนทำได้แล้วไม่ผิด ถูกต้องตามสัญญา เพราะว่าที่ผ่านมามีกลไกได้ระบุไว้ ดังนั้นจำเป็นต้องหรือสิ่งต่างๆ นี่ใหม่ ซึ่งต้องมีการหารือกันอีกครั้ง
ทั้งนี้ จะมีการทบทวนเรื่องค่าไฟในเดือนพฤษภาคมนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เนื่องจาก ได้มีการประกาศค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่าFT ล่วงหน้าไว้แล้ว ดังนั้น ต้องย้อนกลับไปดูว่าค่าเอฟทีขึ้นเพราะอะไร ต้องขอดูต้นทางก่อน โดยเฉพาะพลังงานทั้งหมดมาจากต่างประเทศ เป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับน้ำมันร้อยละ 80-90 ก็นำเข้าก็มาจากต่างประเทศ ซึ่งมีการปรับขึ้นราคาทั้งหมดดังนั้น ต้องไปดูในเรื่องค่าบริหารจัดการและภาษี รวมถึงความเสี่ยง ยอมรับที่ผ่านมาได้มีการดูแลประชาชนนับ แสนล้านบาททั้งเรื่องราคาน้ำมันและแก๊ส รวมถึงไฟฟ้า ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้ได้มีการหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อจะแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ โดยจะหาวิธีการช่วยไม่มากก็น้อย
ดังนั้น จึงให้ทุกคนเข้าใจ ไม่ใช่ว่าชี้แจงไปแล้วถูกจับผิด ยอมรับว่าปัญหาด้านพลังงาน นั้น มีปัญหาทุกประเทศ ไม่ใช่แค่ประเทศไทยดังนั้น โครงสร้างพลังงานในประเทศก็ต้องมาปรับแก้กัน เพราะเป็นทั้งสัญญาและสัมปทาน ที่มีหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้องซึ่งทั้งหมด จะมีการหารือในระดับหน่วยงาน ก่อนที่จะมีการเสนอมายังตนเอง ซึ่งตนเองจะต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินนโยบายไหนต้องมาดูโครงสร้างโดยเฉพาะการลดต้นทุน โดยได้เน้นย้ำให้ดูแลทั้งหมด ทั้งในส่วนของภาคแรงงานไรเดอร์ แก๊สหุงต้ม ทั้งนี้ ดูแลเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้มันดีขึ้นก็ต้องช่วยกันทำ โดยจะต้องไม่มีใครมาหาผลประโยชน์ในจุดนี้
ซึ่งตนเองมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นมือกฎหมายดังนั้นต้องดูสัญญา กฎหมายที่เสียเปรียบ ยอมรับว่าเป็นห่วงประชาชนและไม่สบายใจที่ประชาชนเดือดร้อน ยอมรับว่าทั้งเป็นห่วงและรัก ยืนยันว่าไม่มีการอุ้มนายทุน ซึ่งการประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นแนวการประกอบธุรกิจใหม่ทั้งสิ้น ไม่ใช่โรงไฟฟ้าแบบเดิม เนื่องจากทุกอย่างมีสัญญา โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินและลิกไนต์จะหมดอายุแล้ว ก็จะเปลี่ยนมาใช้แก๊ส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็เกิดเหตุการณ์สู้รบและหลังจากนี้การใช้พลังงานก็จะเป็นแบบระบบหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าที่ลดโลกร้อน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าหมุนเวียนที่กำลังจะเติบโตรองรับเศรษฐกิจใหม่ ยอมรับว่าตอนนี้จะต้องหาเงินไปดูแลประชาชน โดยจะต้องเสนอไปยังกกต. เพื่อใช้งบประมาณในการดูแล ซึ่งจะต้องเสนอเข้า ครม.เลยหรือไม่ ขอให้รอก่อนกำลังพิจารณาอยู่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews