Home
|
ข่าว

ปชป.แจงนโยบายกระตุ้นศก.-ไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ

Featured Image
ทีมศก.ประชาธิปัตย์ แจงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ ยังไม่แจกเงินสุดโต่ง เน้นสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ

 

 

 

ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ นำโดย ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต นายพิสิฐ ลี้อาธรรม นายเกียรติ สิทธีอมร และนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ร่วมแถลงข่าว “ปชป.ชูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ” โดย ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ ยังไม่แจกเงินสุดโต่ง ด้วยยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท

 

 

จะมีอัตราเติบโต GDP ไม่น้อยกว่า 5% โดยต้องปรับโครงสร้างตลาดเงินตลาดทุน บริหารระบบจัดเก็บภาษี กระจายรายได้สู่ฐานราก ลดการเหลื่อมล้ำทางสังคม ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองมุ่งเน้นการใส่เงินเข้าไปในระบบ ทั้งที่ต้องสร้างกลไกที่รัดกุมในการหาแหล่งเงินทุน สิ่งที่ต้องทำทันที คือ เชื่อมความเหลื่อมล้ำในสังคม เคยทั้งกลุ่มผู้มีรายได้สูง ผู้มีรายได้ปานกลางและฐานราก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์อยากให้ผู้ที่มีรายได้สูงหรือรายได้ปานกลาง มีพลังมากขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งเงินภาษีที่ได้จากผู้มีรายได้สูงและรายได้ปานกลางจะกลายเป็นเม็ดเงินที่ใช้ในการดูแลฐานราก ด้วยวิธีการให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมที่ต้องการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

 

 

สามารถเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้บริษัทดังกล่าวเติบโตและพร้อมจ่ายภาษี พร้อมกันนี้ จะยกระดับฐานรากสู่ชุมชนเข้มแข็ง ที่มีรายได้น้อยและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด คือ กลุ่มเกษตรกร แรงงาน หาบเร่แผงลอยและรับจ้างอิสระ ด้วยการสนับสนุนให้มีนักธุรกิจเกษตร แก้ปัญหา SME แก้หนี้เกษตรกร สนับสนุนวงเงินจากธนาคารรัฐ สนับสนุนให้มีธนาคารชุมชนและหมู่บ้าน ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนและหมู่บ้านมีแหล่งเงินทุนกู้เงินได้ไม่เกิน 50,000 บาทนำไปประกอบอาชีพ โดยไม่ต้องมีหลักประกัน

 

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ ยืนยันว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกับการหาเงินจากการปรับปรุงโครงสร้างตลาดเงินและตลาดทุน และเชื่อว่า จะสามารถหาเงินเอง ใช้เองได้ โดยใช้เม็ดเงินที่มีอยู่ในระบบ ลงทุนในอนาคตเพื่อชาติและประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะมีความสามารถเสียภาษีในอนาคต

 

 

ด้านนายพิสิฐ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอเพิ่มอายุการเกษียณทั้งภาครัฐและเอกชนไปอีก 5 ปี แต่ต้องให้มีการตรวจสุขภาพเพราะต้องมีสุขภาพที่สมบูรณ์ และทำงานตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาหรือไกด์ นอกจากนี้ ปรับแก้ระบบประกันสังคมให้ยืดหยุ่นขึ้น แก้โครงสร้างให้เป็นระบบคล้ายกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ผู้ประกันตนสามารถเลือกบำเหน็จหรือบำนาญ สนับสนุนให้ไรเดอร์เข้าระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ได้ พร้อมแก้มาตรา 39 ให้ยืดหยุ่น ไม่เสียสิทธิ์ที่ได้จากมาตรา 33

 

 

เมื่อถามว่า ธนาคารชุมชนและหมู่บ้าน ชุมชนละ 2 ล้านบาท จะเกิดปัญหาเหมือนกองทุนหมู่บ้าน ที่เกิดความไม่โปร่งใสจนกลายเป็นหนี้เสียหรือไม่ นายพิสิฐ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้มีธนาคารชุมชนและหมู่บ้านเพื่อให้ชุมชนและหมู่บ้านตัดสินใจเองได้ แต่จะอยู่ในระบบการควบคุมตรวจสอบ โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสินในชุมชนไปดูแลให้ตาม พ.ร.บ.สถาบันการเงิน จึงเชื่อว่า จะไม่เกิดปัญหาเหมือนโครงการในอดีต

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube