Home
|
ข่าว

ปชป.ย้ำไม่เคยร่วมวางแผนตั้งรัฐบาลกับใคร

Featured Image
ปชป.ย้ำไม่เคยร่วมวางแผนตั้งรัฐบาลกับใคร ชี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นกลาง ไม่ใช่ผลักดันร่างกฎหมายพรรคใดพรรคหนึ่ง ยก “ชวน”แบบอย่างประธานสภาที่ถูกต้อง ฝาก “โรม” หยุดพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น

 

 

 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีมีการพาดพิง ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมวางแผนในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการวางแผนสอง คือ ให้พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปเป็นฝ่ายค้าน ในขณะที่ พรรคเพื่อไทย จะร่วมกับประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และภูมิใจไทย เพื่อเป็นรัฐบาลนั้น ยืนยันว่าทุกคนในพรรคไม่ได้ไปร่วมวางแผนใด ๆ หากมีข่าวออกมาว่า ไปประสานงานเพื่อไปร่วมรัฐบาลกับใคร ไม่เป็นความจริง เพราะการเลือกหัวหน้าพรรคยังไม่เสร็จสิ้น ส่วนแกนนำที่มีเสียงชนะการเลือกตั้งจะจัดตั้งรัฐบาล รวมกับพรรคใดบ้างนั้น ไม่ขอก้าวล่วง

 

 

 

ส่วนกรณีที่มีการถกเถียงกันถึงผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ และมีผู้ที่ออกมาแถลงข่าวหลายคน มีการพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภา ขอชี้แจงว่า หลักการการเป็นประธานสภา ตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจ หน้าที่ในการช่วยเหลือพรรคการเมืองใดในการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ และยังระบุว่าประธานสภา ต้องวางตัวเป็นกลาง ในการเป็นประธานประชุมสภาผู้แทนราษฎร

 

 

ส่วนเหตุผลของพรรคการเมืองที่ต้องการตำแหน่งประธานสภา เพื่อให้พรรคตัวเองได้ผลักดันกฎหมาย อาจไม่ใช่เหตุผล และประธานสภา ไม่สามารถช่วยเหลือผลักดันกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนการทำหน้าที่ของนายชวน มองว่าทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ตรงไป ตรงมา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เป็นการกลางในการวินิจฉัย

 

 

นายราเมศ กล่าวต่อว่า จากกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม มีการกล่าวพาดพิงการทำหน้าที่ของประธานสภา ที่ไม่ผลักดันกฎหมายของภาคประชาชน ยืนยันว่า ไม่เป็นความจิรง เพราะที่ผ่านมา ประธานสภาในขณะนั้น ซึ่งก็คือ นายชวน หลีกภัย ได้มีการผลักดันกฎหมายภาคประชาชนมาแล้วหลายฉบับ อาทิ อ้อย และน้ำตาล ซึ่งเป็นกฎหมายจากภาคเกษตรกร รวมถึงการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นการเสนอจากภาคประชาชนเช่นกัน ดังนั้นการบิดเหมือนว่าประธานสภาฯ ไม่ผลักดันกฎหมายภาคประชาชนจึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะมีการจัดเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกต่อประชาชนในการร่างกฎหมาย

 

 

“การที่พูดในลักษณะว่าประธานสภาไม่ได้ผลักดันร่างกฎหมายของภาคประชาชน นั้นบิดเบือนทั้งสิ้น เป็นการพูดเอาดีใส่ตัว ชั่วใส่คนอื่นและขัดแย้งต่อความรู้สึกของประชาชนที่เห็นต่อการทำหน้าที่ของประธานสภา ที่ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ตรงไปตรงมา” นายราเมศกล่าว

 

 

 

ส่วนกรณีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ถูกไม่ได้ระบุไว้ใน MOU ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย มีความกังวล คือ การยกเลิกโทษจำคุกว่าด้วยการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน รวมถึงการดูหมิ่นศาล เพราะการทำหน้าที่ของศาลต้องปราศจากแรงกดดัน และต้องมีความอิสระในตัวเอง ถ้ามีการเสนอ พรรคประชาธิปัตย์จะต่อสู้เรื่องนี้ให้เต็มที่และถึงที่สุด

 

 

 

สำหรับวาระการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องรอ คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองของว่าที่ ส.ส. ของพรรคทั้ง 25 คน และหลังจากนั้นจะพิจารณาในแต่ละเรื่องที่ผ่านมา ตั้งแต่ผลของการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ แพ้หลายพื้นที่ว่ามีสาเหตุจากอะไร เพื่อที่จะเสนอการถอดบทเรียนนี้ ให้กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ นอกจากนี้ยังได้ย้ำตัวแทนสาขาพรรคในทุกพื้นที่ให้ทำงานใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด แม้จะแพ้เลือกตั้งก็ตาม

 

 

เมื่อถามว่าจากการถกเถียงเรื่องตำแหน่งประธานสภา มองว่าควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล นายราเมศระบุว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ย้ำว่าการทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมีความเป็นกลาง ทั้งนี้ไม่สามารถก้าวล่วงการเลือกของสมาชิกสภาได้ ว่าจะเลือกใคร และชี้ว่าการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย คือแบบอย่างในการทำหน้าที่ประธานสภา

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube