กลุ่มราษฎรยังปักหลักชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ย้ำ 4 ข้อเรียกร้อง จับตายุทธศาสตร์เคลื่อนไหว หลังเสร็จภารกิจเดินทะลุฟ้า ไผ่ ดาวดิน ไม่หวั่นหากถูกจับยังมีคนสานต่อ
บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มราษฎร นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ภายหลังจากนำมวลชนเดินทำกิจกรรม เดินทะลุฟ้า วันสุดท้าย มายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยซึ่งมีแนวร่วมจากเครือข่ายต่างๆ สลับกันขึ้นปราศรัย ที่จะเน้นย้ำถึงปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง และเหตุผลของข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร ทั้งการร่างรัฐธรรมนูญ การยกเลิกมาตรา 112 การปล่อยตัวแกนนำกลุ่มราษฎรที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำและเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง
โดยไฮไลต์ของกิจกรรมอยู่เวลา 21.00 น. ที่แกนนำจะประกาศยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเดินทะลุฟ้า 17 วัน กว่า 247.5 กิโลเมตร ว่าจะเคลื่อนไหวหรือจะยกระดับอย่างไรหรือไม่นั้น ทั้งนี้นายจตุภัทร ยืนยันว่า หลังจากนี้หากแม้ตนจะถูกจับกุม ก็จะยังมีตัวแทนของกลุ่ม พร้อมขับเคลื่อนกิจกรรมแทน ทั้งนี้มองว่าเสียงของการต่อสู้จะมีความหมายและจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประชาชน
ขณะที่บรรยากาศของการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบการแสดงกำลังของตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถห้องน้ำมาให้บริการกับผู้ชุมนุม ส่วนการจราจรสามารถใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน ขาเข้ามุ่งหน้าแยกคอกวัว ส่วนถนนราชดำเนินนอกที่มุ่งหน้าไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศถูกใช้เป็นพื้นที่ในการชุมนุมจึงปิดการจราจรไปโดยอัตโนมัติ
เมื่อเวลา 20.20 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษาหรือ ไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มราษฎรที่นำมวลชนทำกิจกรรม ‘เดินทะลุฟ้า’ กล่าวบนเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ทุกการต่อสู้แม้คนน้อยหรือมาก ก็ถือว่าเป็นการต่อสู้หากเพราะเป็นการแบกเอาความหวัง และความคิดต่อสู้ไปด้วย ซึ่งตนต่อสู้มาเป็น 10 ปี ไม่เคยต่อสู้ด้วยความหวัง แต่ต่อสู้ด้วยหัวใจ และไม่เคยหยุดสู้แม้จะมีคนมาร่วมต่อสู้น้อยหรือมาก เพราะเป็นการต่อสู้ก็เพื่อชีวิตที่ดีๆ แม้จะเป็นหน้าที่ของรัฐ แต่รัฐไม่เคยจัดสรรสวัสดิการดีๆให้ จึงเป็นเรื่องของผู้คนและยืนยันว่า ตราบใดที่ยังมีคนมาร่วมอยู่ก็จะสู้ต่อไป
โดยนายจตุภัทร ยังระบุอีกว่า สมัยที่ตนโดน ม.112 จนติดคุกก็เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้มาตรานี้ดำเนินคดีกับตน ดังนั้นตนจึงมองว่า ม.112 จึงไม่ใช่กฎหมายแต่เป็นเครื่องมือที่เรียกว่ากฎหมาย และมาตรานี้เป็นปัญหาต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ
รวมถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มราษฎรถูกคุมขังด้วยมาตรา 112 ทั้งที่ศาลชั้นต้นยังไม่มีคำตัดสินและยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งตามกฎหมาย ผู้ถูกกล่าวหา ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าคำพิพากษาจะถึงที่สุด ไม่เหมือนกับคดีกปปส. ที่ไม่ต้องติดคุก รอจนกว่าศาลฎีกาจะวินิจฉัย
ดังนั้นหากไม่อยากถูกปิดปาก จะต้องยกเลิก ม.112 และตนต้องการเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ การให้ยกเลิก ม.112 การให้ร่างรัฐธรรมนูญ และการขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่ใช่ความถูกใจ แต่คือความถูกต้อง ซึ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คือ ปัญหา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news