นายกฯทดลองใช้ลิฟต์ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
นายกฯทดลองใช้ลิฟต์ ที่สร้างใหม่ของตึก ไทยคู่ฟ้า ตามแนวทางอารยสถาปัตย์ ให้ตึกที่มีอายุกว่า 100 ปี
ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี 5G ในประเทศ และมอบแนวทางให้มีขยายการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ครอบคลุมทั้งด้านคมนาคม การศึกษา การเกษตร อุตสาหกรรมและสุขภาพ เพื่อให้ไทยก้าวสู่เศรษฐกิจสังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม เต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ที่ประชุมเตรียมรับทราบการลงทุนพัฒนาระบบ 5G ในพื้นที่อีอีซี ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้มีการเดินหน้าติดตั้ง ท่อ เสา สาย และสัญญาณแล้วเสร็จเกินร้อยละ 80 ด้วยการใช้เสาอัจฉริยะ (Smart pole) ทำให้สามารถกำหนดราคาต่ำสุด ลดภาระต้นทุน เพิ่มความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ รวมทั้งความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลคลาวด์ภาครัฐและภาคเอกชนที่เปิดเผยได้
จากนั้น ในช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 1/2564ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามท่าทีของนายกรัฐมนตรี ต่อประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ได้มีการแจ้งพรรคร่วมรัฐบาลเร่งส่งรายชื่อ รัฐมนตรีเพื่อดำเนินการด้านเอกสารธุรการในการ ปรับ ครม. ให้เสร็จโดยเร็ว ภายในเดือน มี.ค. ที่ได้เคยยืนยันชัดเจนว่า ไม่มีคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี
นายกฯทดลองใช้ลิฟต์ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ทำเนียบรัฐบาลได้เริ่มทดลองใช้ ลิฟท์โดยสาร ที่สร้างขึ้นภายในตึกไทยคู่ฟ้า โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ทดลองใช้ ระหว่างตรวจสอบความพร้อมแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว สำหรับวัตถุประสงค์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ตามแนวทางอารยสถาปัตย์ นับเป็นการสร้างลิฟท์โดยสาร ในตึกที่มีอายุมากกว่า 100 ปี โดยใช้เวลาก่อสร้าง ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ประมาณ 2 เดือน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมีดำริให้เปลี่ยนพรมปูพื้น ภายในตึกไทยคู่ฟ้าทั้งหมด เป็นลายใบโคลเวอร์ 4 แฉก ที่มีความเชื่อกันว่าเป็น ใบไม้แห่งความโชคดี ความหวัง ความรักและความศรัทธา และ ใช้โทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีประจำของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนพรมผืนเดิมบริจาคให้กับ 3 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ ปทุมธานี และ นนทบุรี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
นายกฯชู “ผู้หญิง” คือพลังขับเคลื่อนประเทศ ในโอกาสวันสตรีสากล ต่างชาติชื่นชม เร่งแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของผู้หญิงว่า เป็นผู้มีความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศอย่างมากในทุกๆด้าน หากจะเปรียบเป็นช้าง ผู้หญิงก็เสมือนช้างเท้าหน้าข้างหนึ่งทีก้าวไปข้างหน้าคู่กับผู้ชายซึ่งเป็นเท้าอีกข้างหนึ่ง เป็นกำลังหลักในการหารายได้สู่ครอบครัว เป็นแม่ผู้ดูแลลูก ดูแลผู้สูงอายุในบ้าน และดูแลงานบ้านต่างๆ ซึ่งเป็นบทบาทที่หนักและใช้ความทุ่มเทสูงมาก จึงอยากให้คนในสังคม องค์กรตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้น การกำหนดระเบียบหรือข้อปฏิบัติจะได้ส่งเสริมให้ผู้หญิงได้ใช้ศักยภาพได้เต็มที่ทั้งเรื่องการดูแลครอบครัวและการทำงาน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บทบาทของผู้หญิงไทย เป็นที่กล่าวถึงในระดับนานาชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ดังเห็นได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้หญิงที่ครองตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในองค์กรทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ บทบาทผู้หญิงในการทำงานเป็นอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน (อพม.) องค์กรภาคประชาสังคมด้านสตรีและเด็ก ที่เป็นกลุ่มเครือข่ายช่วยงานภาครัฐอย่างมากในการเข้าไปดูแลประชาชนให้ปลอดภัยและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด19 มากไปกว่านั้น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เรายังได้เห็นบทบาทผู้หญิงในฐานะทหารพรานทั้งจากกองทัพบกและกองทัพเรือ จำนวน 640 นาย ที่คอยปฎิบัติงานช่วยเหลือเด็กและสตรี ร่วมจัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มสตรีและเยาวชน
อย่างไรก็ตาม นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ยังคงมีปัญหาที่ฝังลึกในสังคมไทยอยู่ เรื่องทัศนคติหญิงด้อยกว่าชาย การใช้ความรุนแรงในครอบครัวซึ่งรัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ ได้กำหนด ยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานมาอย่างต่อเนื่อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news