นายกฯ ปลื้มคนไทยตระหนักรู้ความสำคัญดูแล-รักษาสิ่งแวดล้อม
นายกฯปลื้มคนไทยตระหนักรู้ความสำคัญการดูแล-รักษาสิ่งแวดล้อม “Visa ” พบ 86% ผู้บริโภคชาวไทยรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ชี้ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน เพื่อพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณผลการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) ของ “วีซ่า (Visa)” ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก
ซึ่งเปิดเผยว่าผู้บริโภคชาวไทยอยากหันมารับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น โดยผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ (86%) ตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีชื่นชมการตระหนักรู้ของสังคมไทย เชื่อมั่นว่าไทยจะประสบความสำเร็จด้านการดูแล รักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้
โดยผลการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปี65 ของวีซ่า ซึ่งจัดทำระหว่างเดือนก.ย.และเดือนต.ค.65 ใน 7 ประเทศ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 6,550 คน
รวมทั้งผู้บริโภคในประเทศไทยจำนวน 1,050 ราย ที่มีอายุระหว่าง 18-65 ปี ครอบคลุมทุกระดับการศึกษา และมีรายได้ขั้นต่ำต่อคนที่ 15,000 บาท พบว่า 89% ของผู้บริโภคชาวไทยเลือกที่จะชำระเงินแบบไร้เงินสด เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะชำระผ่านบัตร Mobile Wallet หรือ Mobile Banking นอกจากนี้ 48% ของผู้บริโภคชาวไทยเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบในราคาและคุณภาพที่เท่ากัน โดยอีก 23% ยอมจ่ายมากขึ้นให้แก่บริษัทที่ใส่ใจและให้คุณค่าเรื่องความยั่งยืน
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการขับเคลื่อนสังคมไร้เงินสดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการทำธุรกรรมและการให้บริการรูปแบบต่างๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ การค้า e-Commerce และ การใช้ Digital Banking รวมถึงการป้องการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
โดยผลงานที่ประสบผลสำเร็จ และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ได้แก่ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จ่ายเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านราย และกลุ่มเปราะบาง, โครงการ พร้อมเพย์ และ QR Payment ที่เป็นการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอกนิกส์แบบ Any ID ที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, G-Wallet ถุงเงิน application
สำหรับ SME ขนาดเล็ก คือการใช้จ่ายเงินดิจิทัลของผู้เข้าร่วมโครงการผ่านแอป “เป๋าตัง” กว่า 50 ล้านคน และร้านค้า–SME ที่เข้าร่วมโครงการผ่านแอป “ถุงเงิน”, การนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้กับการคืนภาษี VAT ให้กับนักท่องเที่ยว และการออกพันธบัตรรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับระบบภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำส่งภาษี และโครงการขายสลากดิจิทัล ผ่านแอปเป๋าตัง ที่ทำให้การซื้อ-ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลมีความสะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความสำคัญกับการดูแล รักษาสิ่งแวดล้อม มุ่งหน้าพัฒนาประเทศแบบสมดุล และยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ตัวเลขจากการศึกษานี้สะท้อนการรับรู้ซึ่งส่งไปถึงประชาชนไทยทุกคน เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมพัฒนาการทำงาน ดูแล อำนวยความสะดวก และให้ความปลอดภัยกับประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย และร่วมดูแลสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews