“ประเสริฐ” มอง ไม่ง่ายแก้ ม. 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. เผยหาหรือก้าวไกลเย็นนี้ มั่นใจ 13 เสียง ส.ว. ยังหนุน พิธา รับไม่ประมาทกระแสเสนอเสนอชื่อประวิตรชิงนายก ชี้เสนอชื่อพิธาซ้ำได้หรือไม่เป็นดุลยพินิจประธานรัฐสภา
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลจะยื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ส.ว.อีกครั้ง ว่า การแก้ไขและธรรมนูญมาตราดังกล่าวการประชุมที่ผ่านมาเพื่อไทยได้ยื่นการแก้ไขในมาตรานี้มาสองครั้งแล้วและไม่ผ่านการพิจารณาของสภา
เพราะฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ตนเข้าใจว่าเป็นการทลายกำแพงโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้เพราะส.ว. ได้ตั้งกำแพงเรื่องมาตรา 112 เอาไว้ เพราะฉะนั้นพรรคก้าวไกลอยากจะหยิบยกประเด็นนี้เพื่อที่จะให้การโหวตเลือกนายกเป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ส่วนจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา272ในสมัยนี้ได้เลยหรือไม่ นายประเสริฐ ระบุว่า ถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงการแก้ไขมาตรา 272 ต้องใช้เสียงของรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และในกึ่งหนึ่งนั้นต้องมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา 84 เสียงด้วย เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยดำเนินการมาแล้ว และไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของสมาชิกวุฒิสภา ครั้งนี้ยังก็เชื่อว่าส.ว. จะตั้งกำแพงสูงในเรื่องนี้เพราะการแก้ไขจะไม่ง่ายนักตามที่คิดเอาไว้
ส่วนการหารือกับพรรคก้าวไกลวันนี้ นายประเสริฐ ระบุว่า การหารือระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย มีการนัดหมายเวลา 17:00 น.วันนี้ จะมีการพูดคุยแนวทางเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งเมื่อสักครู่ได้สอบถามไปยังประธานสภาว่าจะเป็นวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยกันภายในก่อนเพื่อนำข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยไปหารือกับพรรคก้าวไกลอีกครั้ง
ส่วน 13 เสียงส.ว. ที่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เมื่อมีการโหวตครั้งที่สองเชื่อหรือไม่ว่าจะยังคงโหวตให้ นายประเสริฐ เชื่อว่า ส.ว ทั้ง 13 คน น่าจะยังอยู่ยังจะโหวตให้ในรอบสองคงจะมีเจตนาและคงมีความตั้งใจและเจตนาที่มองการเมืองอีกมุมนึง
ส่วนพรรคเพื่อไทยต้องออกแรงเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เสียงส.ว.เพิ่มเติมหรือไม่ นายประเสริฐ ระบุว่า ส่วนตัวคิดว่าพรรคก้าวไกลพยายามทำเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นขอคุยกับทางพรรคก้าวไกลก่อนว่าวันนี้จะแนวทางจะเป็นอย่างไร เมื่อถามต่อว่ามีอะไรจะไปแนะนำให้ด้วยเสียงเพิ่มหรือไม่ นายประเสริฐ มองว่าจริงๆแล้วถ้าการโหวตเป็นไปอย่างวันที่ 13 ก.ค. หากไม่มีข้อมูลใหม่หรือไม่มีอะไรเพิ่มเติมการโหวตในวันที่ 19 ก.ค.นี้คงจะใกล้เคียงกับการโหวตวันที่ 13 ก.ค.
ส่วนการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) พุ่งเป้าไปที่ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 จะมีการปรับภาพลักษณ์ให้การโหวตมากขึ้นหรือไม่ นายประเสริฐไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้ เพราะพูดแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้และทางพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ดังนั้นเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องคิดเอง ตอบแทนไม่ได้ ซึ่งวันนี้การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลจะมีการคุยในหลายประเด็น และคิดว่าพรรคก้าวไกลรู้โจทย์แล้ว โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112
ส่วนกังวลหรือไม่อาจจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐเข้ามาแข่ง นายประเสริฐ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะต้องนำมาประเมินร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีความเคลื่อนไหวในการรวบรวมเสียงอยู่จึงประมาทไม่ได้ เพราะเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันหลังจากที่ 2 พรรคได้คุยกันก็จะต้องหารือใน 8 พรรคอีกครั้ง
เมื่อถามว่าการเสนอรอบสองยังคงเป็นชื่อของนายพิธา คนเดียวหรือไม่หรือมีการเตรียมมุมอื่นไว้อีก นายประเสริฐ ระบุว่า ขอให้ได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ก่อน ส่วนจำเป็นต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นหรือไม่เพื่อเป็นทางรอดให้กับ 8 พรรคร่วม นายประเสริฐ ระบุว่า ขอให้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลก่อนยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความเห็น
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าการเสนอชื่อนายพิธา ซ้ำจะขัดกับข้อบังคับการประชุม นายประเสริฐ ระบุว่า หากดูข้อบังคับดีๆจะมีระบุว่าเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาในการวินิจฉัยหากการเสนอญัตตินั้นมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป ตนเชื่อว่าอำนาจประธานชี้ได้ไม่น่าเป็นอุปสรรค การเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้หรือไม่นั้นถือเป็นดุลยพินิจของประธานรัฐสภา
ส่วนกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ในลักษณะที่ว่า พรรคก้าวไกล ควรไปเป็นฝ่ายค้าน มีนัยยะอะไรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นและส่งผลต่อพรรคก้าวไกล ดังนั้น คำพูดของนายปิยบุตร ก็ควรที่จะรับฟัง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในพรรคก้าวไกล ถ้าจะให้แน่นอนต้องฟังความคิดเห็นของ หัวหน้า เลขา และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรหากพรรคก้าวไกลยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นายประเสริฐระบุว่า จริงแล้วไม่มีแผน 2 แต่ทุกความเห็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องนำไปหารือกับพรรคก้าวไกล และต้องแจ้งกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย
เมื่อถามว่า ส.ว.ติดใจเรื่องมาตรา 112 ซึ่งไม่มีใน MOU พรรคก้าวไกล จะไปดำเนินการของเขาเองเรื่องนี้กังวลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า MOU มี 2 ฉบับ แบบ 2 พรรรกับ 8 พรรค แบบ 8 พรรค เท่าที่จำได้คือหากเป็นเรื่องที่นอกเหนือจาก MOU ให้ถือว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่จะไปเสนอเอง ไม่เกี่ยวกับ 8 พรรค เป็นเรื่องเฉพาะที่พรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการ ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่นพรรคอื่น จะขอสงวนสิทธิ์ไม่ร่วมด้วย ก่อนจะย้ำว่ากำแพงที่พรรคก้าวไกลต้องข้ามให้ได้ คือ มาตรา 112 เพราะ สว.และพรรคเสียงข้างน้อยก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน พรรคก้าวไกล ต้องกลับไปทำการบ้าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews