สภายังถกเถียง การเสนอชื่อ”พิธา” เป็นญัตติซ้ำหรือไม่ ต่อเนื่อง กว่า 4 ชั่วโมงแล้ว “ฐากร” อภิปรายชี้เป็นไปตาม รธน. ม.159 และ 272 ไม่ใช่ญัตติ
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ในช่วงบ่าย วาระโหวตเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยภายหลังจากที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดข้อถกเถียงในที่ประชุมรัฐสภาว่าขัดกับข้อบังคับข้อที่41 หรือไม่
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวัน ยังคงมีสมาชิกอภิปรายต่อเนื่อง ถึงหากใช้ข้อบังคับ 151 ก็สามารถอภิปรายต่อไปได้แต่ต้องอภิปรายภายใต้ข้อบังคับ 151 เพื่อตีความข้อบังคับ ที่41 โดยนายอนุศักดิ์ คงมาลัย สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า หากมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนเดิมจากครั้งที่แล้วคือนายพิธาลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งถ้าดูตามข้อบังคับที่ 41 ก็ชัดเจนว่าไม่สามารถเสนอญัตติเดิมได้อีกแล้วและไม่ต้องมีการตีความอะไรเพิ่มเติม
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้สมควรที่จะแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 และมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ญัตติ จึงไม่สามารถนำเข้าบังคับเข้าที่ 41 ของการประชุมรัฐสภา มาบังคับใช้ได้ เพราะการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นการปฏิบัติตามมาตรา 159 และมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ136 ในหมวด9 การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ระบุไว้ว่า ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภา และไม่ได้อยู่ในหมวดที่ 2 ของการประชุมรัฐสภาแต่อย่างใด โดยในหมวดที่2 มีการเขียนชัดเจนว่า การเสนอญัตติจะต้องทำอย่างไร ซึ่งในข้อ 41 ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นมาเสนอใหม่ในสมัยประชุมเดียวกันเว้นแต่ญัตติที่ยังไม่ได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาตในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น หลักทั่วไปของกฎหมายในเมื่อกฎหมายใดกฎกำหนดบทเฉพาะไว้อยู่แล้วไม่สามารถที่จะนำบทบัญญัติทั่วไปของกฎหมายมาบังคับใช้กับบทเฉพาะที่เขียนไว้อย่างชัดเจน ในหมวดที่ 9 ดังนั้นการเสนอ ชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ไม่ใช่ญัตติเพราะถ้าหากเป็นญัตติแล้วจะต้องเขียนในหมวดที่ 2 และอีกเหตุผลคือข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ไม่ได้เกี่ยวข้องกลับมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญและมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด ดังนั้น จะเสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าวจำนวนกี่ครั้งก็ได้แต่ต้องเป็นบุคคลที่ กกต. หรือรัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ จนกว่าจะมีการสรรหานายกรัฐมนตรีได้ ส่วนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีและชื่อจึงเป็นญัตติ
ขณะนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่เห็นด้วยในการใช้ข้อบังคับข้อที่ 41 เพราะการเลือกนายกไม่ใช่ญัตติทั่วไปเป็นกระบวนการเฉพาะที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และหากตีความตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่มีคำว่าจะติดแต่อย่างใด ในกรณีแบบนี้ควรตีความตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และควรตีความตามบทบัญญัติของกฎหมายถ้ารัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ไม่ให้เสนอซ้ำต้องบัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้น ถ้าไม่มีข้อห้ามก็สามารถเสนอซ้ำได้ และยังเกรงว่าการลงมติในเรื่องนี้ อาจเป็นการการลงมติไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุมรัฐสภา ตัวเลขรวมของสมาชิกรัฐสภาได้มีการลดลง จากเดิมมี 749 เป็น 748 คน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews