Home
|
ข่าว

“ก้าวไกล” ยอมแล้วเปิดทาง “เพื่อไทย” นำจัดตั้งรบ.

Featured Image
“ก้าวไกล”ยอมแล้วเปิดทาง “เพื่อไทย” นำจัดตั้งรัฐบาล รอคุยเงื่อนไขหาข้อยุติ ปัดตอบลดเพดานแก้ไข ม.112

 

 

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นการประกาศเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ชัดเจนแล้ว
ว่าต้องการลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล เป็นพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล เราจึงเดินหน้าทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ เพื่อหยุดยั้งขั้วอำนาจรัฐบาลเดิมให้ได้

 

 

แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าทุกองคาพยพมีความพยายามที่จะทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ โดยอ้างเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความจงรักภักดีมาขัดขวาง
รวมถึงใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือ เพื่อพยายามตัดสิทธิและยุบพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง

 

 

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งสมาชิกวุฒิสภา ก็ใช้ระบบรัฐสภามาทำลายหลักการตีความข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 มาแย้งให้ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพียงเพื่อต้องการขัดขวางไม่ให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่เรายังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของทุกคนได้

 

 

“แต่ขอยืนยันว่าเราจะยังคงเดินหน้าหยุดยั้งขั้วอำนาจของรัฐบาลชุดเก่าต่อไป เนื่องจากการนำประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราขอเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2
เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลแทน” นายชัยธวัชกล่าว

 

 

โดยการประชุมร่วมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งหน้า พรรคก้าวไกลจะลุกขึ้นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม นายชัยธวัช ปฏิเสธที่จะตอบว่า พรรคเพื่อไทยเสนอเงื่อนไขใดบ้าง มีการเสนอให้ถอยเรื่องนโยบายแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ รวมถึงเรื่องโควตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะทุกรายละเอียดจะรอการประสานงาน
จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะประสานมาภายใน 1-2 วันนี้

 

 

“จะมีเงื่อนไขอะไร หรือยอมรับได้หรือไม่ ต้องรอฟังพรรคเพื่อไทยก่อน” นายชัยธวัช เน้นย้ำ

 

นายชัยธวัช กล่าวว่า เงื่อนไขที่ “มีก้าวไกล ไม่มีลุง” เป็นจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีการพูดคุยกัน เป็นสิ่งที่ได้พูดกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล
คงไม่อาจเสียสัจจะในเรื่องนี้ได้ แต่ระบุว่าอย่าเพิ่งรีบสรุปว่าพรรคก้าวไกลจะถอยไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่

 

สำหรับกระแสข่าวว่าถ้าเพื่อไทยอาจจะนำ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐมาเข้าร่วมรัฐบาล นายชัยธวัช ระบุว่า อย่าเพิ่งคิดไปแทนเพื่อไทย มีกระแสข่าวมาเยอะแต่การพูดคุยอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น

 

นายชัยธวัช ยังระบุว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกลมีความเห็นเป็นไปตามมติที่ได้แถลงไป รวมถึง พิธา ก็ให้ความยินยอมในฐานะหัวหน้าพรรค

 

เมื่อถามความเห็นว่า คิดอย่างไรถ้าพรรคก้าวไกล เสนอชื่อแคนดิเดต คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ชัยธวัช กล่าวว่า เป็นใครก็ได้ พรรคก้าวไกลโดยหลักการไม่จำกัดเรื่องตัวบุคคล
แต่ยืนยันว่าในการประชุมรัฐสภาครั้งหน้าพรรคก้าวไกลพร้อมจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทยว่าจะเสนอใครเป็นแคนดิเดต

 

นายชัยธวัช ยังยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับในมติของรัฐสภาที่อ้างข้อบังคับที่ 41 ไม่ให้เสนอชื่อ พิธา ซ้ำ โดยพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นกระบวนการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันในพรรคว่าจะยื่นเรื่องนี้ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่

 

ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานของประธานรัฐสภา พรรคก้าวไกล มองว่า ประธานสามารถวินิจฉัยได้ แต่ประธานคงเห็นว่าควรให้สมาชิกได้อภิปรายถกเถียงกันอย่างเต็มที่ก่อนลงมติ
แต่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ก็หวังว่ารัฐสภาชุดนี้จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

 

เมื่อถามถึงความเสี่ยงที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่สองคดี คือ เรื่องของหุ้นไอทีวี และเรื่องคดีล้มล้างการปกครอง จากนโยบายแก้ไขมาตรา 112
ซึ่งอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งสองคดีไม่มีการร้องให้ยุบพรรค แต่เราจะประมาทไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้อยู่ในระบบนิติรัฐปกติ องค์กรอิสระ
รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตั้งคำถามถึงหลักเกณฑ์และบทบาทในการเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่

 

นายชัยธวัช ยังระบุอีกว่า ไม่ได้คำนวณถึงเหตุการณ์ด้านลบที่จะเกิดขึ้นหลังจากถอยให้กับพรรคเพื่อไทย ทั้งตำแหน่งประธานรัฐสภา และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คำนึงแต่เพียงว่าทำจะทำอย่างไรให้การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนเกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด

”ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่คุณพิธาต้องเป็นนายกหรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องยึดกุมไว้คือต้องยึดตามมติมหาชน คือ ต้องผลักดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อยุตติการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิมให้ได้” นายชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัช ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว และหากมองย้อนกลับไป พรรคก้าวไกลก็จะทำเหมือนเดิม เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าหลายองคาพยพ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ล้วนแสดงออกอย่างเด่นชัดเปิดเผย ว่าไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ จะด้วยความไม่ต้องการสูญเสียอำนาจ เสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือไม่อยากเห็นนโยบายที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง แต่เราจะยืนยันว่าจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้ภารกิจซึ่งประชาชนมอบให้ในวันเลือกตั้งสำเร็จให้ได้

“คนที่ไม่ยอมรับในความเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมรับในหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยต่างหาก ควรจะมีสำนึกว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ส่งผลดีต่อบ้านเมืองในระยะยาว” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาเป็นพรรคเพื่อไทยแล้ว จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า “ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้น”

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube