“เอกนัฏ” ขอยุติสงครามสีเดินหน้าตั้งรัฐบาลปรองดอง
“เอกนัฏ”ขอยุติสงครามสีเดินหน้าตั้งรัฐบาลปรองดองเพื่อส่วนรวม เพื่อไทยยืนยันไม่มีก้าวไกลไม่แก้ ม.112
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า มีการพูดคุยกันมาตลอด โดยคณะเจรจามีเพียงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและตนที่เข้าไปคุยกับทีมบริหารของพรรคเพื่อไทยเป็นการคุยอย่างเป็นทางการได้ระบุเงื่อนไขว่า จะต้องไม่มีการแก้ไข ม.112 ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีการแก้ไข และยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการแบ่งกระทรวง โดยพรรคเพื่อไทยยังรับปากว่า จะไม่มีพรรคก้าวไกล เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ความจริงพรรครวมไทยสร้างชาติติดแค่เรื่องการเดินหน้าแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลเท่านั้น
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขอื่นอีกหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า เงื่อนไขสำคัญมีแค่ 2 ข้อคือไม่มีพรรคก้าวไกลและไม่มีการแก้ ม.112 เท่านั้น ทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า อยากจะรีบจัดตั้งรัฐบาล เพราะหากบ้านเมืองไม่มีรัฐบาลก็จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนลำบาก จึงขอความร่วมมืออย่าไปจมกับความขัดแย้งในอดีตควรเดินหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ดีกว่า
ส่วนความขัดแย้งในอดีตของกลุ่ม กปปส.กับกลุ่มเสื้อแดงในอดีต นายเอกนัฏ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ลบไม่ได้อยู่แล้ว ตนก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เคยทำมาได้ แต่ต้องดูว่าเหตุผลที่เคยทำมาตอนนั้นคืออะไร มีความพยายามจะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม จึงได้มีการออกมาชุมนุมต่อต้าน เวลานี้กฎหมายนี้ก็ไม่มีแล้ว เหตุการณ์ก็ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว ความขัดแย้งที่คนเข้าใจว่ามีระหว่างเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส.ควรจะยุติแล้ว ควรจะร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ ให้โอกาสซึ่งกันและกัน
หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีการเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง ทุกพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ที่ผ่านมาต่างคนต่างเจ็บด้วยกัน ตนก็ถูกคดี หลายคนอาจจะบอกว่าเรื่องการต่อรองเก้าอี้ ขอบอกว่าเจรจากับตนดีที่สุด เพราะเป็นอะไรไม่ได้ ติดคดีอยู่ และจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าประเทศ เพราะหากแต่จมอยู่ในอดีตก็จะไม่สามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตได้
ส่วนจะเห็นใจพรรคเพื่อไทยหรือไม่ที่จะต้องมาชี้แจงกับกลุ่มสนับสนุนหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องยอมรับในผลการเลือกตั้งที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยหวัง แต่ระบบของไทยจะต้องโหวตนายกฯ และจะต้องหาทางจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยสามารถชี้แจงได้ ส่วนรวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็บอกกับตนชัดเจนว่าต้องการวางมือ ทั้งหมดอยู่ที่มุมคิด ถ้าทำใจได้ ละได้ คิดเป็นบวกก็เป็นบวกถ้าคิดเป็นลบก็จะไม่จบ จากที่คุยกันเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีหลายเรื่องที่จะต้องทำและเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย
นายเอกนัฏ ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับว่า ได้มีการพูดคุยกันแต่ยังไม่ตกผลึกมีบางประเด็นในรัฐธรรมนูญที่พรรครวมไทยสร้างชาติคิดว่ายังไม่ควรแก้ เช่น หมวดเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ เป็นต้น ดังนั้นจึงจะต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง หากจะแก้ไขจะต้องมีหลักประกันว่าแก้แล้วจะดีขึ้นไม่กลับมาสร้างปัญหา ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เข้าใจ นั่นคือไม่แต่หมวด 1 หมวด 2 ดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ทำไปแต่จะต้องไม่มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มาจากประชาชน จะแก้ก็จะต้องถามประชาชนด้วย ถ้าประชาชนส่งเสียงว่าต้องการแก้รวมไทยสร้างชาติก็ไม่มีปัญหาอะไร
ได้แจ้งสมาชิพรรคทราบถึงการเข้าร่วมรัฐบาลมีการคัดค้านเรื่องใดหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ทุกคนยอมรับได้หมดว่าสามารถทำงานได้ทุกหน้าที่ทั้ งฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยจะผ่าน นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มั่นใจจนกว่าจะโหวต พรรครวมไทยสร้างชาติมี 36 เสียง ไปทางไหนไปทางเดียวกัน แต่การรวบรวมเสียงก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการ
นายเอกนัฏ กล่าวด้วยว่า เวลานี้มีเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่า เช่นเรื่องนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจหรือการปรับโครงสร้างระบบการทำงานให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพราะประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบและถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เก็บเกี่ยวเอาสิ่งใหม่ๆ มา จึงอยากจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของไทยไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น หลังจากนี้จะเป็นต้นทุนที่จะต้องเข้าไปทำงานให้เห็นผลการทำงาน เพื่อพิสูจน์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ตามระบบกติกาที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องรับผลในที่สิ่งที่ได้ทำไป ถ้าหากผลงานเป็นที่ไม่พอใจเลือกตั้งครั้งหน้าคนก็จะไม่เลือก
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะเลขาธิการพรรคขอบอกว่าไม่สามารถไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ โดยส่วนตัวมีความตั้งใจในการทำงานการเมืองและเร่งพัฒนาพรรครวมไทยสร้างชาติให้เป็นสถาบันการเมือง ในส่วนของการทำงานในรัฐบาลก็จะมีบางส่วนเข้าไปร่วม แต่ในส่วนงานการเมืองของพรรคก็เป็นเรื่องสำคัญที่มีความตั้งใจว่า พรรคจะได้นำเสนอแนวทางการทำงานเป็นทางเลือกอีกแบบหนึ่งที่ทันสมัย
นายเอกนัฏ กล่าวถึงกรณีสังคมส่วนใหญ่มองว่าพรรครวมไทยสร้างชาติมีภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นภาพจำ ต้องยอมรับว่าเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่ลึกซึ้งกว่าความเป็นบุคคลคือความเป็นอุดมการณ์ จะต้องไม่ยึดติดกับตัวบุคคล ถ้าไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ พรรคต้องไปต่อได้ การยึดมั่นในอุดมการณ์เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า อาจจะเป็นอุดมการณ์เดียวกันกับสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ รักและยึดมั่น และอาจจะเป็นเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากการเมืองแบบเดิมมาทำพรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้วแนวทางการทำงานแบบเดิมก็จะยังต้องรักษาไว้ และทำให้มั่นคงขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews