นายกฯ ยันพร้อมฉีดวัคซีนโควิดแต่มีปัญหาทำให้ไม่ได้ฉีด ขณะสัปดาห์หน้ารายชื่อ ครม.ใหม่ สะเด็ดน้ำ ขอโทษฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่นักข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม กล่าวถึงกรณีการเลื่อนฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ว่า ตนเห็นดราม่าไปเรื่อย ซึ่งได้มีการแถลงไปแล้วเข้าใจกันหรือไม่ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในอนาคตวุ่นวายไปหมด ที่สำคัญต้องฟังคณะแพทย์พิจารณาด้วย ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่าต้องรอช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มาจากต่างประเทศด้วยขณะเดียวกันคิดว่าประเทศต้นทางก็จะมีการชี้แจงอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่มากนัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองก็พร้อม และเมื่อเช้าก็เตรียมตัวจะไปฉีดอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแจ้งมา ก็เลยไปไม่ได้เท่านั้น ดังนั้น ขอให้กำลังใจคณะแพทย์กระทรวงสาธารณสุขและทุกคนที่เกี่ยวข้องช่วยกันทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะการบริหารการฉีดวัคซีน ซึ่งได้เร่งไปแล้วให้ฉีดวัคซีนมากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มจำนวนตามวัคซีนที่เรามีอยู่ในโดสแรกที่มีการฉีดไปแล้ว ประมาณ 3 หมื่นคน และจะเร่งฉีดวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อต้องการขับเคลื่อนประเทศตอนนี้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในการจองห้องพักโรงแรมต่างๆในอนาคตด้วยเพื่อเปิดประเทศเราก็จะได้พร้อมโดยมีภูมิต้านทานและมีภูมิคุ้มกันหมู่ และขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อให้ทุกคนมีความปลอดภัย ซึ่งคงไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนสำคัญคนเดียว
ส่วนจะส่งผลถึงการนำเข้าวัคซีนแอสตราเซเนกา ในอนาคตหรือไม่ ให้รอฟังแพทย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีความกังวลในการฉีดวัคซีนดังกล่าว
นายกฯขอ ปชช.หยุดดราม่าวัคซีนโควิด ทำเสียหายไปหมด ย้ำ”ประวิตร” บอกไม่ฉีดวัคซีนเพราะกลัวตายเป็นสิทธิ์ที่จะตอบแบบนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าไม่ฉีดวัคซีน เพราะกลัวช็อคตาย ว่า ได้สอบถามไปยัง พล.อ.ประวิตร แล้วก็ระบุว่าก็ไม่รู้จะตอบอะไร เมื่อถามมาก็ตอบไป แต่ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ตอบแบบนี้ ซึ่งใครจะตอบอะไรก็เป็นสิทธิ์ อีกทั้งการฉีดวัคซีนนั้น เป็นความสมัครใจ ซึ่งใครสมัครใจก็ฉีดเหมือนตนเองที่สมัครใจจะฉีดวัคซีนแต่ขอให้หมอพิจารณามา ซึ่งวันหน้า ทุกคนก็ต้องฉีดกันหมด
พร้อมทิ้งท้ายว่า “เรื่องวัคซีนอย่าทำให้ดราม่ามันเสียหายไปหมด ผมว่าพอได้แล้ว”
ไม่เล่นอีกแล้วจบ ! นายกฯ ขอโทษ สื่อ เป็นกันเองมากไป ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ ใส่นักข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวขอโทษ สื่อมวลชน หลังจากที่มีกระแสดราม่า กรณีฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ ใส่นักข่าว ในการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวัน ที่ 9 มี.ค. ว่า ไม่ได้เจตนา ปกติก็เล่นกับสื่อแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งวันหน้าก็จะไม่ทำอีก และจะรักษากติกาซึ่งกันและกัน
เมื่อถามย้ำว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ไปทั่วโลก นายกฯจะต้องระวังตัวมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถาม
ว่า “แล้วใครหละ เอาไปเผยแพร่ ผม ก็เล่นกับท่าน เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ ก็จะไม่ล้อเล่นกันอีก จบ” พร้อมผายมือสองข้าง ทำสีหน้าเสียความรู้สึก ก่อนจะเดินทางกลับในทันที
นายกฯ ยันสัปดาห์หน้ารายชื่อครม.ใหม่สะเด็ดน้ำ ย้ำไม่ว่าใครเข้ามาก็ต้องสานต่อนโยบาย-มีวิสัยทัศน์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ได้มีการทยอยส่งรายชื่อมาแล้ว โดยภายในสัปดาห์หน้าเชื่อว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งนี้ หลังจากได้รายชื่อครบก็จะเป็นขั้นตอนธุรการ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครเข้ามาก็ต้องทำตามนโยบายรัฐบาลและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ครม. อยู่แล้ว ซึ่งทุกอย่างมีนโยบาย แผนงาน แผนแม่บทและนโยบายของทุกกระทรวงอยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องทำให้สิ่งที่เป็นนโยบายและเป็นอนาคต ขณะเดียวกัน ทุกคนที่เข้ามาต้องมีวิสัยทัศน์และต้องทำให้มีผลสำเร็จมากขึ้น พร้อมการบูรณาการงานที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ยันรัฐบาลเดินหน้าสานต่อโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการต่างๆ ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้แน่นอน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า รัฐบาลเดินหน้าสานต่อโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการต่างๆ ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้แน่นอน
โดยจะทยอยออกมาตรการต่างๆ มา ตามลำดับ ซึ่งมีคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณจากงบเงินกู้ ที่จะนำมาใช้ แต่หลายๆโครงการต้องมีการชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วน ตรงกับความต้องการของประชาชน
นายกรัฐมนตรี ไม่ขัดข้องหากใช้งบประมาณทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้ทุกอย่างต้องเคารพศาล ไม่สนใจม็อบจัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้า2 ชี้ต้องเคารพกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลาโหม กล่าวภายหลังมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีการทำประชามติ2 รอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ได้รับฟังคำวินิจฉัยจาก ศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับทุกคน ส่วนงบประมาณเรื่องการจัดทำประชามติ 2 ถึงสองครั้งรัฐบาลก็ต้องจัดหาให้ ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของสภา ส่วนจะเกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีธงแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินใจ ซึ่ง ส.ส.บางส่วนก็มาแสดงความคิดเห็นแล้วว่าไม่กังวล
ดังนั้นส่วนตัวก็ไม่มีความกังวล และเป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา ขอร้องอย่าสร้างเป็นประเด็นความขัดแย้งอีกเลย เพราะเรื่องนี้มีความขัดแย้งมามากแล้ว ไม่ใช่นำมาเป็นความขัดแย้งทั้งหมด จะทำให้ประเทศ มีความขัดแย้ง ในหลายเรื่องพร้อมกัน
ส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสมในเวลานี้ เนื่องจากประเทศประสบปัญหาสถานการณ์โควิด เศรษฐกิจ สถานการณ์การเมืองเข้ามาอีกแล้วประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่อย่างไร ต้องเห็นใจคนอื่นบ้าง แน่นอนว่าคน 66ล้านคิดไม่เหมือนกันทั้งหมด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกลประชาธิปไตย ส.ส.มีจำนวนถึง 500 คนก็ต่างความคิด ส่วนจะแก้ไขอย่างไรก็ไปหาวิธีกันมา แต่ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลไม่ได้เป็นคู่กันแย้งกับใคร ทำตามขั้นตอนของกฎหมายขอให้ระมัดระวัง ไม่ควรมีการกล่าวล่วงเกิดขึ้น ส่วนตัวเคารพศาล
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ มีการจัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้า เว่อชั่น 2ไปที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า จะทะลุอะไรก็ก็ปล่อยไป ขออย่าผิดกฎหมายแต่อย่าทำให้ทุกอย่างแย่กว่าเดิม ส่วนตัวเชื่อว่านอกจากกฎหมายแล้ว มาตรการทางสังคมจะทำให้ประเทศชาติปลอดภัย คนที่เดือดร้อนมีจำนวนมากไม่ควรละเมิดสิทธิของคนอื่น ทั้งการใช้รถใช้ถนน ตนเองเคยพูดหลายครั้งว่าประชาธิปไตยต้องไม่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายมีไว้คุ้มครอง
ผบ.ตร.สั่งจับตาม็อบเดินทะลุฟ้าบุกทำเนียบ13 มี.ค.ย้ำไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผย มาตรการดูแลความเรียบร้อยการจัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้าครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ ที่ 13 มีนาคม นี้ จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปทำเนียบรัฐบาลว่า ทางตำรวจนครบาลได้มีการติดตามสถานการณ์และจัดเตรียมกำลังพลไว้ดูแลตามสภาพเหตุการณ์ตามความเหมาะสม การข่าวบช.น.พบกลุ่มหัวรุนแรงร่วมม็อบ13มีค.
โดยเฉพาะสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงเฝ้าติดตามด้านการข่าวอย่างใกล้ชิดทั้งห้วงก่อนและวันที่มีการจัดกิจกรรม โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) สั่งการให้คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ ปรับการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ให้เป็นไปตามสถานการณ์
ส่วนกรณีที่แกนนำหลายคนยังถูกควบคุมตัว ทำให้สถานการณ์หรือแนวโน้มความรุนแรงลดลงหรือไม่นั้น ได้ตอบในหลักการเพียงว่าเจ้าหน้าที่ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว รวมถึงประเมินการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว
โดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่าการปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ชุมนุม ต้องรักษาให้เกิดความสมดุลระหว่าง การบังคับใช้กฎหมาย การดูแลประชาชนให้เป็นไปโดยปกติสุข ไม่ให้เกิดอันตรายยืนยันว่าตำรวจไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น เราปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนดในฐานะผู้รักษากฎหมาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news