ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับฟ้อง คดีที่หมอสมิทธิ์ นายกสมาคมแพทย์ฯ กับ สส. ฝ่ายค้าน ฟ้อง “อนุทิน”กระทำการโดยมิชอบปลดล็อคกัญชาพ้นยาเสพติด ชี้ผู้ฟ้อง ไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความในคดีที่นายสมิทธิ์ ศรีสนธิ์ กรรมการแพทย์สภาและนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นายสุทิน คลังแสง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายวิรัตน์ วรศสิริน นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.ฝ่ายค้านในขณะนั้น เป็นผู้ฟ้องคดีที่ 1-6 ยื่นฟ้อง รมวสธ.และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขอให้ศาลเพิกถอนประกาศ
กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ 2565 ลงวันที่ 8 ก.พ .65 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่มีการออกประกาศฉบับดังกล่าว และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ 2563 ลงวันที่ 8 พ.ค 63 ดังเดิม
ศาลเห็นว่า เห็นว่าที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าว่าไม่อาจทำหน้าที่ตามที่ กฎหมายเคยให้อำนาจไว้ได้ดังเดิมนั้น เป็นผลกระทบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีที่ 1ในฐานะที่เป็นแพทย์ในการควบคุมการใช้กัญชาที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ได้มีผลกระทบ ต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีที่ 1ในฐานะที่เป็นบุคคลเป็นการเฉพาะตัว หรือทำให้กูฟ้องคดีที่ 1ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรง
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดอ้างว่าประกาศที่พิพาท จะมีผลทำให้ภาระงานของผู้ฟ้องคดีที่ 1และแพทย์คนอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นเพียงการ คาดคะเนเท่านั้น ยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ทั้งภาระงานของแพทย์ จะมีมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับปริมาณงานและจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงปัจจัยอื่น ที่เกี่ยวข้อง และที่อ้างว่า ก่อนการออกประกาศดังกล่าวไม่ได้มีการ กําหนดมาตรการหรือกลไกใด ๆ ในการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นด้านการรับรู้ ข้อมูลที่เป็นจริง ด้านความปลอดภัย หรือด้านอื่นใด และภายหลังจากที่ประกาศนั้นมีผลใช้บังคับแล้ว
ก็ไม่ได้มีการกำกับดูแลหรือควบคุม ส่งผลให้เกิดการนำกัญชาไปใช้ในรูปแบบที่หลากหลาย นอกจากใช้ในทางการแพทย์ มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาอย่างแพร่หลายในท้องตลาด และมีแนวโน้มในการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการเพิ่มมากขึ้น นั้น ก็เป็นปัญหาที่อาจ เกิดขึ้นหลังจากที่ประกาศที่พิพาทมีผลใช้บังคับแล้ว ความเดือดร้อนหรือเสียหายที่อ้างนั้นจึงเป็นปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมาย
ภายหลังจากที่ประกาศนั้นมีผลบังคับใช้ ไม่ใช่ความเดือดร้อนหรือเสียหายที่เกิดจากตัวประกาศนั้นเอง ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งหมดก็ไม่ได้คัดค้าน การนำกัญชามาใช้ และยอมรับในอุทธรณ์ว่าฤทธิ์ของกัญชามีทั้งโทษและคุณประโยชน์ แต่ควรใช้ เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์โดยความควบคุมดูแลของแพทย์ หรือการศึกษาวิจัย ดังนั้นผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จากการออกประกาศกระทรวงที่พิพาท ที่จะเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 – 6 อ้างว่า ฟ้องในฐานะประชาชนชาวไทยผู้ได้รับผลกระทบจากบริการสาธารณสุขของรัฐ แต่ผลบังคับของประกาศที่พิพาทก็ไม่ได้ทำให้ผู้ฟ้องคดีที่2-6 ไม่ได้รับ บริการสาธารณสุขหรือทำให้คุณภาพของบริการดังกล่าวลดลง หรือต้องรับภาระในการเสียภาษี มากขึ้น ประกาศดังกล่าวจึงไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ฟ้องคดีที่2-6 ในฐานะ ประชาชนชาวไทย ทั้งในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะผู้เสียภาษี อีกทั้งความกังวลที่ว่าประกาศดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหรือต่อเยาวชน ที่อาจบริโภคในสถานศึกษา
นั้น ก็ยังไม่ใช่ผลกระทบที่มีลักษณะแน่นอน และไม่ได้ส่งผลให้เกิด ความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2-6 เป็นการเฉพาะตัว แต่เป็นผลกระทบ ต่อสุขภาพของประชาชนหรือเยาวชนในภาพรวม ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีที่2-6 อ้างว่าเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ และเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ กับภาคประชาชน และต้องฟ้องคดีแทนประชาชนนั้น
ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ 2-6เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรงตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ หรือทำให้เกิดสิทธิ ในการฟ้องคดีแทนประชาชนได้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้ฟ้องคดีที่ 2-6 เป็นบุคคล ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จากการออกประกาศนั้น ที่จะมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews