“เศรษฐา” คุยชาวบ้านรออีกหน่อยดิจิทัลวอลเลตก็มาแล้ว
“เศรษฐา” คุยมวลชนถือป้ายร้องเรียนขอแก้ปัญหาที่ดินทำกิน จากการสร้างเขื่อน แวะพบ “ลุงหว่านปุ๋ย” สอบถามปัญหาที่นา เสนอให้ความรู้เกษตรกรเรื่องเกษตรแม่นยำอาจลดค่าปุ๋ยได้ รายได้สุทธิก็จะเพิ่มขึ้น แซวรออีกหน่อยดิจิทัลวอลเลตก็มาแล้ว
บรรยากาศการลงพื้นที่จ.ของแก่น ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาถึงเขื่อนอุบลรัตน์ ช่วงหนึ่งขบวนผ่านกลุ่มประชาชน เป็นชาวบ้านที่มาถือป้ายขอให้ช่วยแก้ปัญหาคนที่ได้รับผลกระทบเรื่องที่ดินทำกินจากโครงการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคอีสาน
โดยมีนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มารับหนังสือจากกลุ่มชาวบ้าน ขณะที่นายเศรษฐา ขึ้นไปรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำจากกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรับฟังปัญหาจากตัวแทนท้องถิ่นบริเวณด้านบนสันเขื่อน
ทั้งนี้ หลังรับฟังสถานการณ์น้ำ และรับประทานอาหารร่วมกับตัวแทนท้องถิ่น ระหว่างขบวนจะเดินทางต่อไปยัง จ.อุดรธานี นายเศรษฐา แวะจอดรถและลงมารับฟังข้อร้องเรียนของกลุ่มชาวบ้านที่ขอให้ช่วยเหลือ กรณีมีการสร้างเขื่อนจนเสร็จแต่ชาวบ้านยังไม่ได้รับเงินชดเชย รวมถึงขอให้แก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งนายเศรษฐาตอบสั้นๆ ว่า ได้ครับ ก่อนเดินทักทายและรับช่อดอกไม้จากกลุ่มชาวบ้าน ขณะที่กลุ่มชาวบ้านก็ส่งเสียงเชียร์พร้อมปรบมือให้
จากนั้นระหว่างเดินทางจากเขื่อนอุบลรัตน์ ไปจ.อุดรธานี พบว่ามีชาวนาที่กำลังหว่านปุ๋ยใส่นาข้าวอยู่ นายกรัฐมนตรี จึงได้หยุดรถแวะทักทาย พร้อมสอบถามปัญหา โดยนายอุดร พื้นทอง ชาวนา อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านกุดเชียงมี อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ระบุว่า ราคาข้าว หากโลละ 15-16 บาทก็พออยู่ได้
แต่ตอนนี้ราคา 11-12 บาท ขณะที่ราคาปุ๋ยและน้ำมันแพง ส่วนผลผลิต 1 ไร่ ได้ข้าวประมาณ 400-500 กิโลกรัม โดยลุงได้ชี้ให้นายกฯ ดูว่ามีนา 10 ไร่ พอได้เก็บกินไม่พอขาย โดยสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ราคาโลละ 15 บาท ยังพออยู่ได้ นอกจากนี้ลุงยังบอกด้วยว่า เคยเลี้ยงวัว แต่ก็ไม่รอด เนื่องจากในอดีตเคยขายได้ 25,000 บาท แต่ในปัจจุบันขายได้ 15,000 บาท อีกทั้งเกิดโควิด-19 และวัวล้มตาย จึงไปไม่รอด
ขณะที่นายเศรษฐา กล่าวกับนายอุดร ว่า เรามีรองนายกฯ ที่จะมีการไปพูดคุยเรื่องการค้าระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเรื่องนี้ แต่เราต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น หากทำได้จริงจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 17-18 บาท อย่างที่ลุงได้ระบุว่าผลผลิตต่อไร่ได้เพียง 400-500 กิโลกรัม เหตุใดจึงไม่ได้ถึง 700 กิโลกรัมเหมือนบางประเทศ ดังนั้นต้องมีการทดสอบดินก่อนว่าเป็นเพราะอะไร มีเกลือแร่อะไรบ้าง เพราะนี่เป็นเกษตรแม่นยำ พร้อมกับเปรียบเปรย ไม่ใช่เสื้อตัวเดียวแล้วทุกคนจะใส่ได้หมด
ดังนั้นแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันด้านความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าเราให้ความรู้เกษตรกร มีความแม่นยำเกิดขึ้น การใช้ปุ๋ยอาจจะลดน้อยลง ราคาต่อโล 11-12 บาท ก็ถือว่าโอเค เนื่องจากรายจ่ายลดลง รายได้สุทธิจะสูงขึ้น ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องที่ตนเน้นย้ำ พร้อมพูดกับนายอุดร ว่า “รอก่อนนิดนึงเดี๋ยวเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทก็มาแล้ว” อีกทั้งยังมีนโยบายเกี่ยวกับการพักชำระหนี้เกษตรกร และนโยบายเกี่ยวกับการลดค่าน้ำมัน ค่าไฟ
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามเพิ่มเติมถึงการเลี้ยงวัว ซึ่งนายอุดร กล่าวว่า กลุ่มได้แม่พันธุ์วัวมา 4-5 ตัว พอได้ลูกก็นำไปขายคืนเข้ากลุ่ม แต่ช่วงนั้น ติดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึววัวล้มตายจึงไม่สามารถขาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews