“อนุทิน” เน้นย้ำฝ่ายเกี่ยวข้องปราบปรามผู้มีอิทธิพลให้มากที่สุดเท่าที่มีอำนาจตามกฎหมาย ไม่สามารถปล่อยผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มเหงรังแกคนด้อยกว่า “ชาดา” สั่งจังหวัดส่งรายชื่อพร้อมพฤติการณ์ผู้มีอิทธิพลกลับมาใหม่ ลั่นอยู่ไม่สุขแน่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานยุติธรรม ตำรวจ และท้องถิ่นเข้าร่วมประชุม
นายอนุทิน กล่าวในการประชุมว่านโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเป็นดำริของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการที่จะมีนโยบายป้องกันและปราบปรามการใช้อำนาจในทางไม่ชอบของผู้มีอิทธิพล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนหวาดวิตก ตื่นตระหนกและเกิดความเหลื่อมล้ำอย่างมากมายขึ้นในสังคม ซึ่งคงไม่สามารถปล่อยให้สังคมเป็นเช่นนี้ และที่สำคัญเรามีกฎหมายในมือ
มีความเป็นเจ้าพนักงาน เป็นผู้รักษากฎหมาย คงไม่สามารถปล่อยให้ผู้ที่ตั้งใจ จงใจกระทำผิดกฎหมายใช้อิทธิพลของตัวเองในพื้นที่คอยข่มเหงรังแกผู้บริสุทธิ์หรือคนด้อยโอกาสกว่า เข้าใจว่าแม้จะเป็นสิ่งที่เป็นสังคมทั่วไป แต่ต้องมีวิธีการป้องปราม ป้องกันและปราบปรามให้มาก เท่าที่กฎหมายที่มีอยู่จะสามารถทำได้
ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่าการประชุมนัดแรกได้มีการซักซ้อมทำความเข้าใจและได้มอบหมายให้ทางจังหวัดจัดส่งรายชื่อผู้เข้าข่ายมีอิทธิพลกลับมาใหม่อีกครั้งพร้อมระบุพฤติกรรมการกระทำความผิดให้ชัดเจน เช่นเดียวกับกระทรวงต่างๆและสำนักงานต่างๆ ก็จะจัดส่งรายชื่อมาด้วย
ซึ่งจะมีการเพิ่มมูลฐานความผิดเข้าไปด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุน เมื่อได้รายชื่อจากฝ่ายต่างๆแล้วก็จะนำข้อมูลมาดูว่าซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ข้อมูลตรงกันหรือไม่ส่วนไหนที่หายไป ซึ่งคณะทำงานฯก็จะทำงานด้วยความชัดเจนก่อน ซึ่งการที่ส่งเพียงแต่รายชื่อเข้ามาไม่มีการระบุพฤติกรรมการกระทำความผิดไม่ได้ เนื่องจากลงพื้นที่ทำงานไม่ได้ตรวจสอบเพียงแค่การกระทำผิดตามกฎหมายเท่านั้น ต้องมีการตรวจสอบทุกด้าน
กรมสรรพากรก็ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย ดูว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร โดยจะทำงานบูรณาการกับทุกกระทรวง ส่วน 100 รายชื่อสีแดงก่อนหน้านี้วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน โดยจะมีการจัดทำข้อมูลที่ได้จากฝ่ายต่างๆให้เกิดความชัดเจนก่อน
ส่วนกรอบกำหนดให้จัดส่งรายชื่อมานั้นนายชาดาระบุว่าน่าจะจัดส่งมาภายใน 15 วัน จากนั้นก็จะมีการตั้งคณะอนุกชุดย่อยขึ้นมาเป็นตัวแทนชุดใหญ่ดำเนินการซึ่งจะมีอำนาจเท่ากับคณะกรรมการชุดใหญ่ แต่หากจะดำเนินการอะไรต้องผ่านที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ก่อน เมื่อถามถึงการเพิ่มมูลฐานความผิดผู้มีอิทธิพลนอกเหนือจากกรอบ 16 ข้อที่วางไว้สามารถระบุรายละเอียดได้หรือไม่นายชาดาขอให้รอติดตาม
เมื่อถามว่าดูข้อมูลเบื้องต้นผู้มีอิทธิพลที่ส่งเข้ามาถือว่าเป็นงานหินหรือไม่ในการปราบปรามทั่วประเทศ นายชาดากล่าวว่าถามว่างานหินหรือไม่ อย่าลืมว่าเขาอยู่กันมานาน ไม่ใช่เทวดาที่จะไปเสกได้เลย แต่ตนทำสามารถทำได้ โดยพร้อมที่จะทำงานเนื่องจากได้รับคำสั่งจากนายอนุทิน
ซึ่งขณะนี้ยังไม่เจอตอเพราะไม่ได้ทำงานแบบน้ำขึ้นน้ำลง ทั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดรายชื่อผู้มีอิทธิพลได้ แต่เมื่อถึงเวลาก็จะรู้ ไม่ต้องห่วง
นายชาดา ยังระบุภายหลังจากที่ทราบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลแล้วก็จะดำเนินการตรวจสอบของหลายหน่วยงาน โดยตนเขาบอกว่าอยู่ไม่สุขสบายแน่ หากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
“ก็บอกไว้เลยนะว่าอยู่ไม่สุขสบายแน่ บอกผ่านไปเลยว่าอยู่ไม่สุขสบายแน่ ก็ตรวจสอบทุกหน่วยงาน ต้องเข้าใจบริบทผู้มีอิทธิพล ใน 16-17 มูลฐานความผิด มีเจ้าหน้าที่ของรัฐตามจับอยู่แล้ว เขารักษากฎหมายอยู่แล้วแต่บางคนอาจจะยังดำเนินการไม่ได้ ยังไม่มีหลักฐานที่สามารถจับกุมได้ เราจะใช้การตรวจสอบอย่างอื่นเข้าไป เป็นการบูรณาการร่วมกัน”
นายชาดา ยังระบุว่าคณะกรรมการฯยังเปิดขอข้อมูลจากประชาชนด้วย พร้อมฝากเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 088-887 8888 ให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ ซึ่งความลับผู้แจ้งเบาะแสจะไม่รั่วไหล เพราะเป็นการให้ข้อมูลโดยตรงจากตน เมื่อมีการแจ้งเข้ามาก็จะมีการคุ้มครองพยานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้เป็นข้อมูลที่มีความชัดเจน และขอร้องว่าโรคจิตอย่าโทรมาหมายเลขนี้ดู นายชาดา ได้กล่าวพร้อมหัวเราะว่าหากโรคจิตโทรเข้ามาตนก็จะให้ DSI ตาม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews