‘รอมฎอน’ ชี้ มติ กบฉ. ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ล่าสุด เป็นแบบแผนแตกต่างจากอดีต ตั้งข้อสังเกตรัฐบาลถูกต่อรอง-กดดันจากหน่วยงานความมั่นคง ย้ำข้อเสนอ สภาผู้แทนฯ ควรมีส่วนร่วมประเมินผล พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในชายแดนใต้
นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) มีมติต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 ตุลาคม 2566 – 19 มกราคม 2567 ว่า เมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม) มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 อย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่
โดยทั้งหมดเกี่ยวข้องกับทิศทางอนาคตของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งในทางการทูต กลไกนิติบัญญัติ และการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ที่ผ่านการพูดคุย การสร้างความร่วมมือ และเจรจาต่อรอง ทำให้เห็นมิติทางการเมืองในความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพในพื้นที่ชายแดนใต้ที่น่าสนใจ
กรณีแรก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเพื่อหารือกับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยและพื้นที่ตอนเหนือของมาเลเซีย แม้จะมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
แต่ก็น่าเสียดายที่ในคำแถลงไม่ได้มีการระบุถึงกระบวนการสันติภาพที่ทางการมาเลเซียมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกมานานหลายปี การไม่กล่าวถึงประเด็นนี้จึงน่าจะมีความหมายบางอย่างและส่งสัญญาณว่ารัฐบาลทั้งสองอาจลดระดับความสำคัญของความร่วมมือในมิตินี้ลงแล้ว ซึ่งควรต้องประเมินว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก
กรณีสอง ในสภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี กรณีสาม มีการหารือระหว่าง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กบฉ. กับ สส.เขตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกรณีสี่ ที่ประชุม กบฉ. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล มีมติต่ออายุการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก 3 เดือน ยกเว้น 3 อำเภอ (อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และ อ.กรงปินัง จ.ยะลา) โดยประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในพื้นที่ดังกล่าว
นายรอมฎอน กล่าวว่า มติการขยายการประกาศใช้มาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่กำลังจะเข้าที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้านั้น อาจถือเป็นการต่ออายุครั้งที่ 74 มีความแตกต่างไปจากแบบแผนเดิมที่เคยเป็นมา แม้จะมีการกลับมาขยายออกไปในวงรอบ 3 เดือนเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็มีการยกเลิกการประกาศพร้อมกัน 3 อำเภอ โดยกระจายตัวอยู่ในทั้ง 3 จังหวัด สิ่งที่แตกต่างอีกประการคือการกลับมาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใน อ.ศรีสาคร อีกครั้ง หลังจากยกเลิกไปเมื่อปลายปี 2562 นี่เป็นครั้งแรกที่หวนกลับมาใช้กฎหมายฉบับนี้นับตั้งแต่ทยอยยกเลิกเมื่อปี 2553 เป็นต้นมา
เหตุผลสำคัญที่ฟื้นการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามที่มีการแถลงของรองนายกฯ คือ มีเหตุรุนแรงที่เพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบกับก่อนหน้าที่จะประกาศยกเลิก ทำให้น่าตั้งข้อสังเกตว่าหลักเกณฑ์ในการประกาศยกเลิกหรือรื้อฟื้นกลับมาใช้ ต่อจากนี้จะอยู่บนข้อเท็จจริงหรือปัจจัยใดบ้าง การประเมินผลการบังคับใช้มีความสมเหตุสมผลมากน้อยเพียงใด เป็นไปได้ด้วยหรือไม่ว่าทิศทางในการปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมายพิเศษจะมีความไม่แน่นอนมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าแบบแผนที่เกิดขึ้นใหม่ในครั้งนี้เป็นผลจากการต่อรองและกดดันของฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานความมั่นคงที่ไม่ประสงค์จะให้มีการยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews