“รังสิมันต์” ยืนยันก้าวไกลไม่มีการเมืองภายใน ปัด 2 มาตรฐาน ชี้ สส.ตัดสินใจไปตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ยอมรับมีคนหลากหลายแต่ไม่ปิดกั้นการแสดงออก แนะทางออกที่ดีที่สุด 2 สส.ต้องแสดงสปิริตลาออก
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับมติพรรคก้าวไกลที่มีการขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี แต่ไม่ขับ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ทั้งที่ทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศว่า ทางที่ดีที่สุด คือ เจ้าตัวควรลาออก เพื่อแสดงสปิริตความรับผิดชอบ ซึ่งส่วนตัว ทราบว่า นายไชยามพวาน ต้องการพิสูจน์ตนเองในชั้น กกต. แต่หากมีการแสดงสปิริตลาออก ก็ยังสามารถพิสูจน์ตัวเองได้อยู่แล้ว คือ จบที่การลาออกของตัวผู้ที่ถูกพิจารณา แต่สิ่งสำคัญต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ตัวพวกเราไม่สามารถตัดสินใจแทนเขาได้ แต่ถ้าตัวเขาตัดสินใจลาออกก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่นายวุฒิพงศ์ มองว่า ผลการลงมติที่แตกต่างกันนั้น เป็นผลมาจากการเมืองภายในพรรค นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่มีปัญหาภายในแบบนั้น แต่การลงมติเมื่อวานนี้ เกิดจากการตัดสินใจของที่ประชุม ที่ใช้ในเวลาในการพิจารณากว่า 5 ชั่วโมง เพื่อรับฟังในข้อเท็จจริงต่างๆ สุดท้ายก็ลงไปตามดุลพินิจของแต่ละคน ตนจึงไม่คิดว่าเป็นการช่วยเหลือกันหรือเป็นการเมืองภายใน และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามข้อบังคับของพรรคก้าวไกล หนักสุด คือ สส.ปราจีนบุรี ซึ่งทั้ง 2 กรณี ก็เป็นความผิดวินัยร้ายแรง แต่ก็สามารถกำหนดบทลงโทษว่าจะเป็นแบบไหน ซึ่งมติของที่ประชุม มีเสียงมากพอที่จะขับนายวุฒิพงษ์ออกจากพรรค แต่ในกรณีของนายไชยามพวาน มีเสียงไม่ถึง จึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะตัดสินลงโทษอย่างไร
สำหรับที่ภายหลังจากมีมติแล้ว มีสมาชิกเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีดำและมีการโพสต์ข้อความไม่เห็นด้วยกับมติพรรค นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลประกอบด้วยคนหลากหลาย เมื่อมีความไม่เห็นด้วยเราก็ไม่ปิดกั้นในการแสดงออก แต่จากนี้ก็ต้องใช้กระบวนการภายในพรรค เพื่อทำความเข้าใจ รณรงค์ในเรื่องของความรุนแรงทางเพศ เพื่อไม่ให้เกิดขึ้น อีกทั้งในพรรคและทั่วไปในสังคม เราต้องมีบทบาทและทำงานให้หนักขึ้น สร้างความเข้าใจในเรื่องนี้
ส่วนที่มีการมองว่า มติที่แตกต่างกันในครั้งนี้เป็น 2 มาตรฐานระหว่างคนที่มีเส้นสายและคนที่ไม่มีเส้นสายนั้น นายรังสิมันต์ มองว่า ไม่ใช่เรื่องเส้นสาย เพราะทั้ง 2 เรื่องเป็นคนละกรณีกัน ไม่สามารถเอาข้อเท็จจริงของเรื่องหนึ่งไปใส่อีกเรื่องหนึ่งได้ ดังนั้น ผู้รับฟังก็ต้องชั่งน้ำหนัก จึงขอย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ความผิดที่เห็นตรงกันว่าผิดจริง และยึดตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรคว่าเป็นการผิดวินัยร้ายแรง แต่ในส่วนของการกำหนดโทษ ที่ประชุมเป็นตัวกำหนด และอาจจะไม่ใช่เรื่องของเส้นสาย แต่ทุกคนได้รับฟังและตัดสินใจไปตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews