Home
|
ข่าว

กมธ.การเงินการคลังเชิญ “จุลพันธ์” ชี้แจงดิจิทัลวอลเลต

Featured Image
กมธ.การเงินการคลังเชิญ “จุลพันธ์” ชี้แจงดิจิทัลวอลเลต -พ.ร.บ.กู้เงิน “ณัฐพงษ์” พูดชัดต้องถามแหล่งเงิน ทำไมไม่ออก พรก.กู้ มองจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

 

 

นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการ วาระพิจารณารายละเอียดของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ในวันนี้คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาชี้แจงในประเด็นนโยบายดังกล่าว

 

 

เนื่องจากกรรมาธิการมีความเป็นห่วงในหลายประเด็น เพราะนโยบายดังกล่าว มีผู้คัดค้านและเห็นด้วย ทั้งเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน และหลักเกณฑ์การแจกจ่ายเงิน รวมถึงกรอบเวลาที่ต้องมีการอธิบายและสื่อสารไปยังประชาชน โดยคณะกรรมาธิการฯ จะได้สอบถามประเด็นเหล่านี้ ให้นโยบายนี้สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

 

 

ส่วนกรณีมีผู้ร้องเรียนไปยังองค์กรอิสระ เรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กรณีนั้นถือเป็นประเด็นหลัก ที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ต้องสอบถามว่า เหตุใดต้องออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน และไม่ออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือแหล่งเงินอื่นๆ เช่น เงินในงบประมาณ หรือตามมาตรา 28

 

 

ขณะที่ข้อสังเกตของฝ่ายค้านว่า การออก พ.ร.บ.กู้เงิน อาจถูกตีความว่าผิดกฎหมาย และอาจเป็นการหาทางลงของรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า น่าจะมีการสอบถามเรื่องนี้ แต่เชื่อว่ากว่ารัฐบาลจะออกโครงการนี้ออกมาได้ ทั้งเรื่องหลักเกณฑ์และแหล่งเงิน ต้องผ่านการพิจารณาข้อกฎหมายมาอย่างดีแล้ว และผ่านการพิจารณาตัวเลือกต่างๆ

 

 

นายณัฐพงษ์ ยังมองว่า การกู้เงินสามารถทำได้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังบอกชัดเจนแล้วว่า หากเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือต้องการรักษาเสถียรภาพของการเงิน ก็สามารถกู้เงินได้ ทั้งนี้ ก็จะเป็นอีกคำถามของกรรมาธิการว่าความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ สามารถออกเป็น พ.ร.ก.แทนได้หรือไม่

 

 

ขณะเดียวกัน ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่อง ในตอนนี้ เพราะจากที่รับทราบจากรัฐบาลและสื่อมวลชน ตอนนี้ GDP ของประเทศลดต่ำลง ไตรมาสแรก 2.6% ไตรมาส 2 เหลือ 1.8% ไตรมาส 3 คาดการณ์ว่าอยู่ที่ 1.4% ไม่มีการเติบโต ตามที่หลายคนตั้งคำถามไว้ว่า จะเติบโตประมาณ 2.6% จึงมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิน 2%

 

 

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ อีกไม่นานประมาณ 2-3 ปี ผู้ที่หารายได้เข้าประเทศก็จะน้อยกว่าผู้สูงอายุ จะเป็นปัญหาต่อภาวะเศรษฐกิจ ถึงบอกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน และจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในตอนนี้และทำให้เติบโตทันเพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศอื่นๆ

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ออกงบประมาณขาดดุลทุกปีๆ 6-7 แสนล้านบาท อีกแค่ 2-3 ปี จะมีปัญหา ก็เหมือนเราเห็นปากเหวอยู่ข้างหน้า เราจะรอให้ตกเหวก่อนหรือไม่ ถึงค่อยแก้ไข ดังนั้น จึงมองว่าเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจ

 

 

ดังนั้น การที่เชิญนายจุลพันธ์ มาชี้แจง ขอยืนยันว่า ไม่เป็นการเอื้อฝ่ายรัฐบาลในการดำเนินนโยบายเงินดิจิทัล เพราะกรรมาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ศึกษาหาข้อเท็จจริงโดยเฉพาะเรื่องนโยบายการเงินการคลังของรัฐบาล กรรมาธิการมี สส. จากทุกพรรคการเมืองทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

 

 

อีกทั้งเป็นไปไม่ได้ที่จะอวยกัน หน้าที่ของกรรมาธิการฯ แม้ตนจะเป็น สส.พรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ในการทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการฯ ก็อยากเห็นนโยบายของรัฐบาลสำเร็จ และเกิดประสิทธิผลมากที่สุด ถ้ามีอะไรที่ท้วงติงหรือแนะนำกันได้ ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการที่ต้องท้วงติง

 

 

และจะมีการเรียกฝ่ายที่เห็นต่างมาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องเชิญฝ่ายที่คัดค้านมาด้วยแน่นอน ต้องรับฟังข้อมูลหลักเกณฑ์ของคนที่ทำนโยบายก่อน แล้วจึงค่อยฟังคนที่คัดค้าน ก่อนจะสรุปเป็นแนวทางให้รัฐบาล

 

 

ขณะกรณีที่นายกรัฐมนตรี อ้างว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เสนอความเห็นให้ออกพ.ร.บ.เงินกู้นั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า ก็สามารถสอบถามเรื่องนี้ได้ และอาจมีการเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาชี้แจงในกรรมาธิการด้วย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแลเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube