“ภูมิธรรม” เมินผลโพล “พิธา” คะแนนนำ “เศรษฐา”
“ภูมิธรรม” เมินนิด้าโพล คะแนน “พิธา” นำ “เศรษฐา – แพทองธาร” ชี้ 3 เดือนเร็วเกินไป บอก รัฐบาลมีเวลา 4 ปี แต่หลังจากนั้นประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ใครพูดใครทำ – สร้างประโยชน์ ได้ดีที่สุด บอกเป็นหน้าที่ คมนาคม คุมราคาตั๋วเครื่องบิน หลัง ปชช.ร้องช่วงปีใหม่แพงหูฉี่ ขณะ”พาณิชย์”ดูแค่ปลายทาง ขอทุกฝ่ายร่วมกันตรวจสอบ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองที่มีคะแนน ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สูงกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทอง ธารชินวัตร ว่า ไม่แปลกอะไร
เพราะการสำรวจของโพล ก็ต้องดูว่าขึ้นอยู่กับสถาบันไหนบ้างและกลุ่มตัวอย่างมีจำนวนเท่าไหร่ หรือส่วนใดบ้าง โดยขณะนี้เราก็รับฟังผลโพลทุกส่วน ที่มีทิศทางเดียวกันหรือแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือปัญหาพื้นที่ของประชาชนโดยตรง ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่ที่เราไป และประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีอยู่
ส่วนกรณีที่มีลักษณะคนเมืองหรือคนกลุ่มหนุ่มสาว นายภูมิธรรม ยอมรับว่า เสียงความนิยมของนายพิธา ยังมีความนิยมอยู่ แต่จริงๆต้องอยู่ที่การทำงาน ซึ่งรัฐบาลนี้เข้ามาในช่วงแรกก็ยังยุ่งอยู่ในช่วงการทำงานมาก แต่หลังการทำงานก็ต้องดูกันว่าประชาชนจะรู้สึกหรือยอมรับอย่างไร พร้อมย้ำว่าความนิยมไม่เท่ากับผลงานรับใช้ประชาชน
เมื่อถามว่าระยะเวลา 3 เดือน เร็วเกินไปสำหรับการสำรวจความคิดเห็นประชาชนหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า 3 เดือนเร็วไปนิดนึง เหมือนกับที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงาน พร้อมขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลเข้ามาทำงานก็เจอแต่ปัญหาเยอะ ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมา 9-10 ปี จากการรัฐประหารของประเทศ
ซึ่งการดำเนินการขณะนี้ถือเป็นการปูรากฐาน โดยสิ่งที่สำคัญขณะนี้คือรัฐบาลไม่มีเงินลงทุนเกี่ยวกับงบในการดำเนินงาน โดยส่วนใหญ่เป็นงบประมาณประจำ เพราะงบประมาณเป็นช่วงรอยต่อ และขณะนี้งบประมาณปี 2567 กำลังจะเข้าต้นปีที่จะถึงนี้ เพราะฉะนั้นขณะนี้จึงไม่มีเงินทำงาน แต่เงินที่จะสามารถจะมาดำเนินการได้ก็จะเป็นช่วงพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาเราใช้เงินในการบริหาร โดยเอาธนาคารของรัฐเข้ามาช่วยบ้างหรือเป็นเงินที่หยิบตรงนั้นมาโปะตรงนี้ ฉะนั้นการทำงานในวันนี้คือการสร้างรากฐาน และเป็นการเตรียมพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป พร้อมยืนยันว่าปี 2567 จะเป็นปีที่ทุกคนจะได้เห็นว่าฝีมือการทำงาน พร้อมมองว่าตั้งแต่ปี 2567 คนก็จะเริ่มเข้าใจแล้วว่า ในช่วง 3 เดือนที่รัฐบาลดำเนินการมาได้ปูรากฐานอะไรไว้บ้าง โดยในส่งของตนที่กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์ ก็ทำนโยบายเรื่องลดรายจ่ายเพิ่มรายได้
ซึ่งไม่มีการใช้เงินรัฐ เพราะมีการดึงบริษัทต่างๆเข้ามาช่วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน และบริษัทหลายบริษัทก็ยอมขาดทุนเพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชน เพราะถ้าประชาชนแข็งแรงก็จะเอื้อในเรื่องเศรษฐกิจได้ดี และทำให้ระบบขับเคลื่อนไปได้ และจะเชื่อมโยงไปถึงการขยับขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ
ส่วนมั่นใจว่าผลงานรัฐบาลจะเป็นตัวดึงคะแนนความนิยมกลับคืนมาได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนมองว่าเรื่องผลงานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในการดึงความรู้สึกของประชาชน เพราะถ้าเห็นว่าถ้าเห็นว่ารัฐบาลตั้งใจจริงและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ประชาชนก็จะพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเรามีความสามารถเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น คือการลงไปพบปะกับประชาชนโดยตรง เพราะสมาชิกพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ ก็ได้รับเสียงสนับสนุนแนบแน่นและแข็งแรง เราก็ยังเชื่อมั่นในตรงนี้ แต่อาจจะต้องปรับปรุงการสื่อสารให้กับประชาชนและเยาวชนให้มากขึ้น โดยการใช้ โซเชียลมีเดีย
พร้อมยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย ยังไม่แข็งแรงในเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดีย ทำให้การสื่อสารยังคงมีข้อจำกัด แต่เชื่อว่าหลังจากที่มีการปรับปรุงพรรคใหม่และมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือน.ส.แพทองธาร รวมถึง มีกรรมการบริหารพรรครุ่นใหม่ ก็เชื่อว่าการปรับตัวต่างๆจะทำให้เข้าถึงทุกกลุ่มทุกวิชาชีพ และเยาวชนกลุ่มต่างๆได้มากขึ้น ความเชื่อว่าการสื่อสารในเรื่องของวิสัยทัศน์ผลงาน สื่อสารประชาชนมากขึ้น ก็จะเป็นผลทำให้สิ่งต่างๆได้พัฒนาดีขึ้น
นายภูมิธรรม ยังกล่าวย้ำว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไป เพราะรัฐบาลมีเวลา 4 ปีแต่หลังจาก 4 ปีประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสิน ว่าใครพูดใครทำและสร้างประโยชน์ให้ประชาชนได้ดีที่สุด
นายภูมิธรรม ยังถึงกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาค่าตั๋วเครื่องบินแพง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่าราคาตั๋วเครื่องบินโดยรวมเป็นไปตามกระบวนการ โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ดูปลายทาง แต่ในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะต้องควบคุมดูแลราคาตั๋วเครื่องบิน คล้ายกับปัญหาปั๊มน้ำมันที่กระทรวงพลังงานดูแลในส่วนนี้ และเสนอมาที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อปรับปรุงหัวจ่าย ว่าราคาต้องเป็นไปตามที่กำหนด
แม้จะมีส่วนลด-ส่วนเกินที่เป็นไปตามมาตรฐานโลก แต่ก็ต้องไปเข้มงวดและเป็นเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือ โดยทางกระทรวงพาณิย์โดยกรมการค้าภายในจะเข้าไปดูรายละเอียดของทุกส่วน ก่อนหน้านี้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจสอบ รวมถึงนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้ไปตรวจสอบเกี่ยวกับราคากระเช้าของขวัญที่จะต้องดูทั้งหมดด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews