“สรวงศ์” มั่นใจ งบฯ 67ผ่านวาระแรก คาดได้ใช้ปลาย เมย.

 

 

 

“สรวงศ์” มั่นใจ งบฯ 67 ผ่านวาระแรก คาดได้ใช้ปลาย เม.ย. โยน รัฐมนตรีแจงกู้เงิน 500,000 ล้าน ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้กฤษฎีกาบอกไม่ควรไปต่อ

 

 

 

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วันที่สาม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจี้ไปที่งบประมาณของกระทรวงกลาโหม ว่าส่วนตัวมองว่าทำได้ดีทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นจะต้องเอาข้อมูลจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมารวมกัน แต่ปัญหาเป็นอย่างที่ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวไว้คือข้อมูล และตัวเลขบางส่วนอาจจะยังไม่ตรงกัน จึงต้องกลับไปพิจารณาดูว่าตัวเลขถูกต้องและตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างเช่น กรณีที่สส.กทม.ของพรรคก้าวไกล อภิปรายเกี่ยวกับกองทัพ

 

 

 

แต่สำหรับการโหวตวาระแรกวันนี้ เสียงของรัฐบาลจะต้องกำชับอะไรหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้มีการกำชับอะไร เพราะเสียงน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีเพียง นายอดิศร เพียงเกศ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ป่วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวก็มองว่าวันนี้เป็นเพียงการโหวตในวาระแรก ดังนั้นเราน่าจะให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผ่านสภา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และนำมาซึ่งผลประโยชน์ของประชาชนต่อไป

 

 

 

ส่วนตัวเลขการโหวตจะสะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ เรื่องนี้อาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราผนึกกันแน่น และหากสังเกตจากการอภิปรายของแต่ละคนจะพบว่า ไม่มีการปกป้องหรือพูดถึงกระทรวงที่พรรคตัวเองดูแล แต่จะเป็นการอภิปรายในภาพรวม แตะกันทุกกระทรวง

 

 

 

ส่วนคาดว่าการพิจารณาหลังจากตั้งกรรมาธิการงบประมาณฯ จะราบรื่น และนายกรัฐมนตรีได้กำชับอะไรหรือไม่ นายสรวงศ์ ยืนยันว่าไม่มี แต่นายกรัฐมนตรีบอกว่าให้รับฟังและให้ทีมงานทุกคนจดประเด็นในสิ่งที่ฝ่ายค้านเสนอมา พร้อมย้ำว่าการทำงบประมาณในชั้นกรรมาธิการไม่สามารถปรับเพิ่มงบประมาณได้ มีแต่ปรับลดลง ฉะนั้นหากปรับลดงบลงแล้วจะทำอย่างไรต่อ ขอให้รอดูอีก 3 เดือนข้างหน้า

 

 

 

 

สำหรับกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่าเป็นห่วงในเรื่องของการตกทรัพย์ เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่มั่นใจว่าการทำงานของรัฐบาลชุดนี้มีแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเราก็เคยมีบทเรียน จึงเชื่อว่าสส.แต่ละท่านคงมีวุฒิภาวะพอที่จะปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบ

 

 

 

นอกจากนี้ นายสรวงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ยังไม่อยากประเมินคะแนนการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่ถือเป็นการทำงานบ้านที่ดี เพราะอย่างที่ทราบคือเขามีเวลาตรวจสอบตัวเลขกันเพียง 9 วันเท่านั้น เนื่องจากการจัดทำงบประมาณล่าช้า เราจึงยืนยันว่าจะอภิปรายในวันที่ 3-5 มกราคม 2567

 

 

 

ทั้งนี้ หากร่างพรบ.งบประมาณฯ ปี 2567 ผ่านในวาระแรก จากนั้นจะมีการตั้งกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ทั้งหมด 72 คน แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี 18 สส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อีก 54 โดยน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 3 เดือน ซึ่งน่าจะหารือแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆร่วมกันในช่วงเช้าวันที่ 8 มกราคม จากนั้นช่วงบ่ายของวันเดียวกันก็จะประชุมนัดแรกในทันที จึงคาดว่าน่าจะได้ใช้งบประมาณฯ ปี2567 ประมาณปลายเดือนเมษายน หรือ อย่างช้าที่สุดคือต้นเดือนพฤษภาคม

 

 

 

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านติงนายกรัฐมนตรีที่กล่าวในตอนแรกว่าจะไม่มีการกู้เงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่กลับออกร่างพรบ.เงินกู้ 500,000 ล้านบาท มาใช้ในการดำเนอนโครงการนี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ให้ทางรัฐมนตรีเป็นคนตอบในรายละเอียดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะทางฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ในการตรวจสอบ หากรัฐบาลทำไม่ถูกต้องเราก็สามารถทักท้วงได้

 

 

 

ส่วนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการยึดเครดิตของทางนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ด้วยนั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คนนอกมองเข้ามา ถึงให้ทางฝ่ายผู้บริหารเป็นผู้จัดการหากจะมีการเสนอ พ.ร.บ.กู้เงิน เข้ามา ในฐานะที่เป็นสส.ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบ

 

 

 

พร้อมยืนยันว่า ประชาชนได้ใช้เงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อย่างแน่นอน ตนเองมั่นใจอย่างนั้น ถือเป็นสิ่งเราได้พูดกับประชาชนไว้ และต้องยอมรับว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกตกต่ำ หากเราไม่มีแผนในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ มองว่า แย่แน่นอน จึงอยากให้ช่วยกัน และหากทางคณะกรรมการกฤษฎีกา จะชี้ว่า ไม่ควรที่จะดำเนินการต่อ แต่เราทำตามคำชี้แนะของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเท่าที่ทราบและศึกษามา นั้น การออก พ.ร.บ.เงินกู้ เพื่อมามาใช้หมุนเวียนในระบบไม่ใช่กู้มาแจก และการที่รัฐบาลออกนโยบายนี้มา เนื่องจากต้องการให้มีการการกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ โดยการใช้ระบบดิจิตทัล อย่าไปบอกว่าเป็นเงินดิจิทัล ยืนยันเป็นเงินบาทที่นำมาใช้ในดิจิทัลวอลลเล็ต ซึ่งเมื่อไหร่ที่มีการใช้งาน ไม่มีการเบิกเงินสดออกมา เงิน 5 แสนล้านบาท ก็ยังอยู่แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางนายกรัฐมนตรีและทีมงานผู้บริหารต้องการให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในระบบดิจิทัล ยิ่งหมุนหลายรอบเท่าไหร่ ภาษีก็เข้า รัฐก็มีรายได้ สิ่งที่วางแผนไว้และต้องการให้เป็นเช่นนั้น

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews