“เฉลิมชัย” แถลงโต้ปมหมูเถื่อน ลั่นไม่เกี่ยวข้อง ซัดเรื่องการเมือง
“เฉลิมชัย” นำ สส.แถลงโต้หมูเถื่อน ลั่นไม่เกี่ยวข้อง ซัดเป็นเรื่องการเมือง พยายามโยงคนใกล้ชิดลากถึงตนเอง ย้ำไม่เคยทำเรื่องสกปรกโสโครก หากใครทำผิดก็ไม่ปกป้อง ขอเจ้าหน้าที่ สาวถึงคนบงการ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย สส. และกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวกรณีข้อกล่าวหาว่าคนใกล้ชิดถูกออกหมายจับเกี่ยวข้องกับเรื่องเนื้อหมูเถื่อน-ตีนไก่เถื่อนโดยระบุว่า เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีความพยายามโยงเรื่องต่างๆ มาถึงตนเองระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด
ทั้งนี้ มั่นใจว่าข้อกล่าวหาไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เกิดเพื่อผลทางการเมือง เพราะมีการดำเนินการต่อเนื่องเป็นขบวนการ อาจทำให้สังคมไขว้เขวเข้าใจผิดว่าตนมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย ตนเองมาทำพรรคประชาธิปัตย์ก็อยากให้พรรคเดินหน้าด้วยความใสสะอาด จึงจำเป็นต้องแถลงชี้แจง
นายเฉลิมชัย อธิบายว่า ในวันที่ตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีกระว่าการทรวงเกษตรฯ ได้มอบอำนาจให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ให้มีอำนาจสั่งการ อนุญาต อนุมัติ กำกับดูแลเรื่องอื่นๆที่รัฐมนตรีว่าการพึงปฏิบัติ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย เพียงมี 3 เรื่องไม่ได้มอบ คือ งบประมาณ นโยบาย และการนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการเท่านั้น โดยในส่วนกรมปศุสัตว์ได้มอบอำนาจให้ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ กำกับดูแล
ทั้งนี้ ที่ตนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องของหมู เนื่องจากมีการระบาดของโรคอหิวาต์หมู ASF ซึ่งตามโครงสร้างเป็นคณะกรรมการระดับประเทศ รองนายกฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มอบหมายให้ผมรับผิดชอบจึงไม่สามารถมอบอำนาจได้ จนกระทั่งมีข่าวคราวเรื่องหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2565 ตนได้กำชับในกรณีหมูเถื่อน ประสานกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้คุมเข้มจับกุมและทำลายหมูได้มากกว่า 1 ล้านกว่ากิโลกรัม เพราะถือเป็นนโยบายของรัฐบาล จึงเข้ามารับผิดชอบ โดยไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย
นายเฉลิมชัย ยืนยันทุกอย่างตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ให้มีการรับเคลียร์ มีการสั่งอย่างเด็ดขาด สิ่งหนึ่งที่เราไม่มีอำนาจโดยตรง คือการขนส่งทางเรือ ที่ต้องผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ กรมศุลกากร ก่อนที่หน่วยงานอื่นจะได้เข้าตรวจสอบสินค้าต่างๆ วันนี้สังคมกำลังถูกทำให้เข้าใจผิด ไม่มีอะไรนอกจากเหตุผลทางการเมือง ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง ตลอดจนคนใกล้ชิด
พร้อมย้ำตนและครอบครัวไม่ทำเรื่องสกปรกโสโครกแบบนี้ ไม่รับเงินแบบนี้แม้กระทั่งสลึงเดียว ไม่เคยมีนอมินี ตัวแทนไปรับเงิน ไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใครทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น แม้จะเป็นคนในครอบครัวตน ถ้าทำผิด ก็ไม่ปกป้องและขอฝากสื่อไปยังประชาชนและผู้มีอำนาจต้องดำเนินการลงโทษ และขอเรียกร้อง ที่บอกว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำไมไม่บอกชื่อนักการเมืองมาเลยว่าคนไหน แต่ทำให้กำกวมคนเข้าใจผิดว่าตนเป็นคนทำลองใช้สามัญสำนึกของคนธรรมดาเข้าไปคิดว่าเจ็บปวดหรือไม่ ถ้าครอบครัวคุณโดนอย่างนี้บ้าง จะรู้สึกอย่างไร “เลิกเถอะครับ เพราะกว่าความจริงจะปรากฏ ความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว”
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ระบบยุติธรรมไทยเราเป็นระบบกล่าวหา ใครต่อยก่อนได้เปรียบ แค่กล่าวหาใครสังคมก็เชื่อแล้ว ยิ่งมีสื่อโหมกระหน่ำ จนกลายเป็นศาลเตี้ยพิพากษาโทษไปแล้ว แต่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย
ในช่วงหนึ่ง นายเฉลิมชัย ยังกล่าวด้วยว่า ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น ให้พึงสังวรณ์ไว้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ มีตำแหน่งก็เสื่อมตำแหน่ง มาตรา 157 ไม่ได้เขียนไว้ลอยๆวันนี้อยากให้กำลังใจข้าราชการที่ดีๆ ใครทำผิดต้องมาลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหน สนิทกับใครก็แล้วแต่ กฎหมายไม่ละเว้น ซึ่งตนจะตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ พร้อมร่วมมือทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือประเทศชาติ
นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ยังได้ยินข่าวแว่วมาว่า มีการนำตัวผู้กระทำผิดไปเป็นพยาน และมีการกล่าวหาว่ามีไอ้โม่ง ขอให้ช่วยกันขุดคุ้ยให้พบว่าไอ้โม่งเป็นใคร ตนพร้อมให้ความช่วยเหลือ พร้อมยืนยันว่าจะฟ้องร้องแน่นอนไม่ได้กลั่นแกล้งใคร แต่เพื่อปกป้องตัวเอง
ส่วนที่มองว่าเป็นเรื่องการเมือง มีความเกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจเก่าหรือขั้วอำนาจใหม่ นายเฉลิมชัย เชื่อว่า ทุกคนรู้ว่าตนเองไม่เกี่ยวข้อง แต่พยายามโยงเอาตนและคนรอบข้างมาทำให้เสียหายจึงตีความหมายเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นเรื่องการเมือง เพราะตนเป็นนักการเมือง ถ้าเล่นการเมืองสกปรกแบบนี้ อย่าเล่นเลย เวรกรรมมีจริง
ขณะที่กรณีดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย ปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ทราบ ไม่เกี่ยว” ตนเองมาทำหน้าที่หัวหน้าปรับปรุงฟื้นฟูพรรค และ สส. ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ ‘ชั้น 14’ หรือไม่นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วง เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาการเป็นอย่างไร ถ้าเจ็บหนักอยู่ จะสั่งการได้อย่างไร
ส่วนจะพูดคุยกับ นายประภัตร หรือไม่ ในฐานะกำกับดูแลกรมปศุสัตว์ นายเฉลิมชัย ระบุว่า ยังไม่เคยคุย แต่อยากให้สื่อไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเอง
นายเฉลิมชัย ยังกล่าวถึงสื่อมวลชน ลองดูว่าที่เล่นข่าวนี้จะได้ประโยชน์อะไร แล้วตนก็มีความจำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค และตนยังเห็นด้วยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนปัจจุบัน ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคดีนี้ มีการพูดเบี่ยงประเด็นไม่ให้สาวไปถึงใคร ซึ่งนักข่าวก็เช่นกัน ที่เอาเรื่องนี้มาเล่นไปเป็นนิยาย ที่แก่แล้ว ถึงเวลากว่าความจริงจะปรากฏ คุณก็ตายไปแล้ว คุณจะเอาอะไรมาชดใช้มาขอโทษ ขอเรียกร้องจรรยาบรรณของข้าราชการ นักการเมือง และสื่อมวลชน
นายเฉลิมชัย ยังกล่าวถึงกรณีมีการพาดพิงเรื่อง นายหลี่ เซิ่ง เจียว หรือ ‘เฮียเก้า’ เป็นน้องชายคนละแม่ของ เฉลิมชัย นั้น เฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้คนไทยมีบรรพบุรุษมาจากจีนเยอะแยะ ทั้งข้าราชการนักการเมือง ล้วนต้องมีเครือญาติกันทั้งหมด ทุกตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศไทย ไม่มีใครก้าวก่ายธุรกิจของกันและกัน ไม่มีใครรู้ว่าใครทำธุรกิจอะไร
ส่วนสื่อที่อ้างว่าตนและ ‘เฮียเก้า’ เป็นพี่น้องคนละแม่ โดยกล่าวว่า ตนไม่ได้ปฏิเสธความเป็นญาติ แต่ไม่ใช่ลูกพ่อเดียวกัน แต่มีความพยายามเอามาโยงให้ใกล้ชิดกับตนมากที่สุด พร้อมพูดประชดว่าพ่อตนมาอยู่เมืองไทยกว่า 80 ปีแล้ว คงไม่สามารถย้อนไปมีลูกที่เมืองจีนได้ พ่อคงไม่มีฤทธิ์เดชขนาดนั้น ที่ลงข่าวไปไม่จริง ถ้ามีจรรยาบรรณก็ให้แก้ไข
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews