“เรืองไกร” ยื่นกกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค หลังศาลชี้ว่านโยบายแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ด้าน “แบม- ตะวัน” โผล่ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ประชดคำวินิจฉัย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมายื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล ว่านโยบายหาเสียงยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ศาลจึงสั่งให้ยุติการกระทำ เพราะพิจารณาแล้ว เห็นว่าการยกเลิกมาตรา 112 เป็นการกระทำที่ไม่ควร อีกทั้ง การแก้ไขกฎหมายก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติจึงถือเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบ
วันนี้จึงเดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เช่นเดียวกับกรณีการสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ว่าพรรคก้าวไกลได้กระทำการผ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) และเข้าข่ายจะต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือไม่
พร้อมย้ำว่า กกต.ต้องทำตามหน้าที่และอำนาจ ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยและพิจารณายุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค เพราะถือเป็นความที่ปรากฎแล้ว ฉะนั้นจะอยู่เฉยไม่ได้ ซึ่งกกต. ไม่ได้ผิดแต่เป็นดุลยพินิจในชั้นของนายทะเบียน จึงขอให้ไปดำเนินการต่อ ขณะเดียวกัน หลังจากนี้ตนก็จะไปยื่นเรื่องต่อที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองอื่น รวมถึงพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไข มาตรา 112 ด้วยนั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ ฉะนั้นไม่ต้องห่วง หากมีน้ำหนักพอก็จะยื่นเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทั้งนึ้ รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เคยหาเสียงในประเด็นแก้ไขมาตรา 112
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายเรืองไกร กำลังให้สัมภาษณ์และยื่นคำร้องอยู่นั้น มีรายงานว่า นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน กลุ่มทะลุวังและ นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม สองนักกิจกรรมทางการเมือง ได้เดินทางมาเรียกร้องให้ประหารชีวิตตนเอง โดยได้ใช้เชือกผูกกพันธนาการที่ข้อมือ และลำคอ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ พร้อมกล่าวว่า เนื่องจากศาลได้มีการกล่าวอ้างถึงชื่อของตนเอง 2 คน กล่าวถึงพฤติกรรมรวมถึง กิจกรรมก่อนหน้านี้ที่ได้ดำเนินการจัดทำแผ่นป้าย ข้อความ “คิดว่ามาตรา 112 ควรแก้ไขหรือยกเลิก” พร้อมนำสติ๊กเกอร์มาให้ติดเพื่อแสดงความเห็น ซึ่งรวมถึงการให้นายพิธา นำสติ๊กเกอร์ไปแปะด้วยถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ล้มล้างการปกครอง ประกอบกับเมื่อวันที่ 31 มกราคม มีชื่อของตนอยู่ในคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอให้เปาบุ้นจิ้น ได้ทำการประหาร ตนแทนคนอื่นๆที่ทำกิจกรรมการเมืองแล้วถูกจับติดคุกอยู่ตอนนี้ด้วยเถิด
นอกจากนี้ยังพบว่ามีกลุ่ม ศปปส. ที่จะเดินทางมา ติดตามการยื่นคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่จะเดินทางมายื่นให้ กกต.พิจารณายุบพรรคก้าวไกลเช่นกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อป้องกันความวุ่นวายทางศูนย์ราชการ ได้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในและนอกเครื่องแบบมาคอยดูแลความปลอดภัย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews