“เศรษฐา” แอบตรวจตม.สุวรรณภูมิไม่แจ้งล่วงหน้า เล็งรื้อระบบทั้งไอที-แบ็คอัพ-เตรียมขอ กพ.เพิ่มบุคลากร ยอมรับคนเข้า-ออกเสียเวลารอนาน กระทบท่องเที่ยว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเดินทางตรวจระบบตรวจคนเข้าเมืองที่ สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล ว่า ประมาณต้นเดือนมีนาคมจะมีการประกาศยกระดับสนามบินทั่วประเทศขึ้น ก็ไปดู ระบบตรวจคนเข้าเมืองวิธีการจัดการทุกๆอย่างก็ถือเป็นเรื่องสำคัญจึงอยากไปดูให้เห็นด้วยตาตนไม่อยากใช้คำว่าปัญหา
แต่ขอให้เป็นโอกาสก็แล้วกัน เพราะมีโอกาสจะทำให้ดีขึ้นอีกเยอะ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เรื่องของระบบเองที่เป็นระบบไอทีและมีหลายเจ้าเข้ามาทำอาจไม่ได้เชื่อมโยงกัน ระบบแบ็กอัพและเรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเอง จำนวนยังไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนตัวได้มีโอกาสไปดูพื้นที่ที่เขาใช้พักผ่อนความเป็นอยู่ก็ไม่ดีเท่าไหร่ จึงสั่งให้มีการปรับปรุงไป รวมไปถึงขาเข้าและขาออกด้วยอะไรหลายๆอย่างมาปรับปรุงเขียนไปในแม่แบบ แปลนใหญ่ที่จะมาแถลง
ส่วนระบบตรวจคนเข้าเมืองล่มเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของเรื่องเทคนิคทางระบบเพราะมีหลายๆระบบเข้ามา ระบบแบ็กอัพก็ไม่ดี พอมีคนเข้ามาเยอะระบบก็หน่วง ยกตัวอย่างเช่น พอคนเข้ามาเยอะ KPI เดิมคือ 45 วินาที ก็กลายเป็นนาทีกว่า มันก็ทำให้ยิ่งช้าอีก นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้จะมีการประชุมในช่วงบ่ายและจะประชุมต่อเนื่องภายในอาทิตย์นี้เพื่อที่จะเขียนแม่แบบเพื่อจะจะทำอย่างไรให้แก้ไขกันอย่างบูรณาการ แต่อาจต้องใช้เวลาประมาณ 12 เดือนกว่าจะแก้ไขปัญหาได้
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจำนวนมากจะได้รับผลกระทบอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวก็มีจำรวนเทียบเท่าก่อนช่วงโควิด-19 อยู่แล้วต้องใช้วิธีบริหารจัดการกันไป ซึ่งนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วก็ไม่ควรรอคอยเรื่องการประทับตา ซึ่งต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ตั้งแต่ เรื่องการรอคิวเข้ามา
ส่วนกรณีการรับกระเป๋าที่ใช้เวลานาน นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับทราบปัญหาก็เห็นว่าดีขึ้นแล้ว แต่พยายามทำให้ดีขึ้นอีก
เมื่อถามว่าจำนวนเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตำรวจตม.เองก็ไม่เพียงพอ ได้มีการพูดคุยไปแล้ว และจะเรียกมาประชุมซึ่งบ่ายวันนี้อาจจะเรียกผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาเพื่อที่จะพูดคุยเพื่อขอไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) เพราะนี่คือปัญหาระยะยาว
ส่วนปัญหาผู้โดยสารขาออกที่มีความล่าช้ารอนานนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนได้ไปตรวจสอบเช่นกัน ก็พบว่ามีคนรอแถวยาวมาก ตั้งแต่ตรวจลงตราพาสปอร์ต เอกซเรย์กระเป๋า พื้นที่เช็คอินก็ไม่เพียงพอ ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่า ขาออก ไม่อยากให้มีการตรวจเช็คเยอะ แต่ก็มีปัญหา 2 อย่าง คือเรื่องของ Over Stay หรืออยู่เกินกำหนด กับ คนที่มีความผิดที่จะออกนอกประเทศ ตรงนี้ระบบไอทีต้องลิงค์เข้าให้ได้ทั้งหมด ต้องตรวจให้ได้ต้อง alert ให้ได้ ก็ถือเป็นแผนระยะกลาง ซึ่งตนได้ให้นโยบายไปแล้วเช่นกัน
ซึ่งถ้าไม่ต้องตรวจเป็นเคาน์เตอร์ที่มีการประทับตราแล้วออกไป ก็ทำให้ระยะเวลาที่เดินทางออกนอกประเทศสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง เพราะตั้งแต่ที่คนเข้ามาประเทศไทย ก็อยากให้มีความสะดวกสบาย ตั้งแต่ลงเครื่องบินมาถึงงวงช้าง ไม่ต้องนั่งรถบัสเข้ามาที่สนามบิน มาถึงก็ไม่ต้องคอยนานเกิน 30 นาที รับกระเป๋าแล้วก็ออกไปได้เลย ส่วนระบบรถแท็กซี่ที่เข้ามาก็ต้องเหมาะสมถูกต้อง ขณะที่ขากลับก็ไม่อยากให้ใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมง เพราะล่าสุดที่ได้สอบถามไปใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจนักท่องเที่ยวเหมือนกัน แทนที่จะเอาเวลาไปเที่ยว จับจ่ายใช้สอยเพิ่ม ก็ต้องเสียเวลามาสนามบิน นี่จึงเป็นโอกาสที่ทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยดีขึ้น ให้มองเป็นโอกาส
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews