“เศรษฐา” เปิดทำเนียบต้อนรับ “ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะผู้นำครั้งแรก จับตาเจรจาแก้ไขปัญหาฝุ่น – พื้นที่ทับซ้อน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา และโลก จุมเตียว ดร.ปึช จันทมนนี ฮุน มาแนต ภริยา ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนับเป็นผู้นำประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนประเทศแรก ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
โดยนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นนายกรัฐมนตรี และสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต ได้หารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ตึกภักดีบดินทร์
ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง และแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวร่วมกันในเวลาประมาณ 11.40 น. ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน
สำหรับการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ นับเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้หารือกันในระดับทวิภาคี ในการขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน การเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุน การส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่ง และการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนสองประเทศ
ส่วนประเด็นข้อหารือที่สำคัญที่ต้องจับตา คือแนวทางในการควบคุม และแก้ปัญหาฝุ่น pm2.5 และหมอกควัน ที่พัดผ่านมาจากประเทศกัมพูชาจากการเผาไหม้ ส่งผลกระทบให้พื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครมีฝุ่น pm2.5 จำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่าประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนในเรื่องของอุปกรณ์ เนื่องจากกระทรวงเกษตรและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของประเทศกัมพูชา ยังคงขาดแคลนเครื่องมือ
ทั้งนี้ยังต้องจับตาการเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในเรื่องของเขตแดน หลังมีการอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกาะกูด จ.ตราด รวมไปถึงการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางพลังงาน Overlapping Claims Area หรือ OCA ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ทางพลังงานที่คาดว่ามีก๊าซธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าหลายล้านล้านบาท หากการเจรจาประสบผลสำเร็จ จะทำให้ค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าของประเทศไทยลดลง
โดยปัจจุบันเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขเป็นเวลายาวนานกว่า 22 ปี กับอีก 7 รัฐบาล นับตั้งแต่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ MOU เมื่อปี 2544 ซึ่งรัฐบาลนายเศรษฐา จะใช้โอกาสนี้ในการเจรจา หาสมดุลที่ลงตัว หรือทางออกได้หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews