Home
|
ข่าว

“ก้าวไกล” เกาะติด ตำรวจจับกุมสื่อกระทบสิทธิเสรีภาพ

Featured Image
“ก้าวไกล”เกาะติด ตำรวจจับกุมตัวผู้สื่อข่าวสนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหาย เตรียมนำเข้าหารือ กมธ.พัฒนาการเมือง ชี้อาจเข้าข่ายใช้กฎหมายปิดปาก เพื่อสร้างความหวาดกลัวในการนำเสนอข่าว กระทบสิทธิเสรีภาพ

 

 

 

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง จับกุมตัวผู้สื่อข่าวภาคสนาม สำนักข่าวประชาไทและช่างภาพอิสระ ในข้อกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ”

 

 

โดยนายพริษฐ์ ระบุว่า ได้ทราบจากข่าวว่า ขณะนี้ทั้งสองคนถูกคุมตัวข้ามคืนที่ สน. ซึ่งคาดว่าสาเหตุที่แท้จริง เป็นเพราะนักข่าวและช่างภาพไปรายงานข่าวเท่านั้น จึงต้องพิจารณาดูข้อเท็จจริงว่า ทั้งสองคนถูกจับกุมเพียงเพราะแค่ไปรายงานข่าวจริงหรือไม่ เพราะถือเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก

 

 

เรื่องนี้ขัดต่อหลักการสำคัญในการทำงานของสื่อมวลชนที่ว่าการรายงานข้อเท็จจริงไม่ได้เท่ากับสนับสนุนการกระทำที่เป็นเนื้อหาสาระสำคัญของข่าว และเสรีภาพของสื่อมวลชนก็เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าดูจากการวัดระดับเสรีภาพของสื่อมวลชนประเทศไทย เมื่อเทียบกับทั่วโลกใน World Press Freedom Index 2023 ประเทศไทยอยู่อันดับที่ร้อยกว่าจากสองร้อยประเทศที่มีการวัดผล ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีมากนัก และหากเหตุการณ์จับกุมสื่อมวลชนมีเหตุผลตามที่คาดการณ์กันจริง ก็จะยิ่งทำให้เสรีภาพสื่อยิ่งถดถอย

 

 

ในส่วนของพรรคก้าวไกลเอง นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรคก้าวไกล ที่รับผิดชอบในประเด็นสื่อมวลชน และเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนรวมของประชาชน ด้วย ก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ กมธ. ในวันพฤหัสบดีนี้ และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อหาทางออก

 

 

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการดำเนินคดีครั้งนี้ คือ การใช้กฎหมายปิดปาก เพื่อสร้างความหวาดกลัวในการนำเสนอข่าว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะสื่อมวลชนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการรายงานข้อเท็จจริงทุกเหตุการณ์ และเป็นการรับประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนด้วยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วนรอบด้าน

 

 

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สื่อมวลชนต้องหวาดระแวง ระมัดระวัง ในการทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงก็ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากต่อประชาธิปไตยของประเทศไทย และหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ขอให้รัฐบาลรีบสืบค้นข้อเท็จจริงและหาทางแก้ไขโดยด่วน

 

 

สำหรับกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมเสนอญัตติด่วน เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของขบวนเสด็จฯ ในวันพรุ่งนี้นั้น นายพริษฐ์ ระบุว่า ต้องมาดูรายละเอียดของญัตติก่อนว่า ที่มาที่ไปของเหตุผลในการประกอบญัตติเป็นเช่นไร แต่เบื้องต้น เห็นว่าเป็นประเด็นที่มีความแตกต่างกันทั้งในและนอกสภาฯ และเป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ถูกนำมาพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และมีเหตุมีผล จากตัวแทนที่มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย ในพื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎร

 

 

อย่างไรก็ตาม นายพริษฐ์ คาดการณ์ว่า ญัตติดังกล่าว ประกอบด้วยสองโจทย์ คือ 1. จะออกแบบมาตรการเรื่องขบวนเสด็จฯ อย่างไรเพื่อหาสมดุล ระหว่างการรักษาความปลอดภัย ควบคู่กับความพยายามลดผลกระทบที่อาจจะมีต่อประชาชนผู้สัญจรไปมา 2. เป็นโจทย์ที่กว้างกว่า คือการจะบริหารความขัดแย้งในสังคมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง หรือขยายช่องว่างทางความเข้าใจและความคิดที่แตกต่าง ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ส่วนตัวมองว่าสิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ คือไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคม

 

 

 

ทั้งนี้ การกระทำของกลุ่มนักกิจกรรม มองว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้เคยตอบเรื่องนี้ไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ความเห็นที่แตกต่างในสังคมเป็นเรื่องปกติ และสังคมจะมองทั้งเนื้อหาสาระที่มีการเรียกร้องและวิธีการเรียกร้องควบคู่กันไป แต่ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่กับเนื้อหาสาระและวิธีการ เราจำเป็นต้องไม่ยึดหลักการใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางคลี่คลายผ่านความเห็นที่แตกต่างผ่านกระบวนการสันติวิธีให้ได้

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube