หอการค้าฯ เตรียม 4 แผนเชิงรุก เสริมการทำงานรัฐบาล ชี้ วิสัยทัศน์ 8 ข้อมาถูกทาง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับวิสัยทัศน์8ข้อของรัฐบาล เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะวางวิสัยทัศน์ของประเทศในระยะยาว และยุทธศาสตร์ที่นำมาเสนอนั้น ถือว่ามีเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิด Connect Competitive Sustainable ของหอการค้าไทย ที่ใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเอกชน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเจอความท้าทายที่หลากหลายในปีที่ผ่านมา ทำให้ GDP ในปี 2566 เติบโตได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ทั้งเศรษฐกิจโลกผันผวน การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลช้ากระทบงบประเทศ วิกฤตหนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยสูง และกำลังผลิตหดตัวต่อเนื่อง ทำให้ GDP ปี 2566 เติบโตเพียง 1.9% ซึ่งถือว่าเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ
สำหรับปี 2567 หากรัฐบาลสามารถดำเนินการผลักดันตามยุทธศาสตร์ในแต่ละด้าน พร้อมกับเร่งให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีได้รวดเร็วในช่วงต้นเดือนเมษายนตามที่ได้แถลงไว้ จะทำให้งบประมาณกระจายสู่พื้นที่ต่างๆ และเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
ซึ่งหอการค้าฯ มองว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันแก้ไขและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความกังวลและความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงผลการเลือกตั้งผู้นำของสหรัฐและหลายประเทศในปีนี้ จะมีส่วนทำให้เกิดความผันผวนของนโยบายเศรษฐกิจโลกและกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง
อย่างไรก็ตาม หอการค้าฯ จะดำเนินการ 4 แผนเชิงรุก เสริมกับภาครัฐให้เกิดการลงมือทำร่วมกัน ประกอบด้วย การดูแลอัตราดอกเบี้ยและการสนับสนุนแหล่งเงินทุน ปัจจุบันภาคธุรกิจถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงและสถาบันการเงินก็มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หอการค้าฯ จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแลอัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระของประชาชนและลดต้นทุนผู้ประกอบการ
การสนับสนุนการท่องเที่ยวคุณภาพสูง ปี 2567 จะเป็นอีกปีที่ภาคการท่องเที่ยวเติบโตโดดเด่น จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปีถึงถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์กว่า 5 ล้านคน โดยคาดการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีประมาณ 35 ล้านคน และอาจทะลุถึง 38 ล้านคนได้ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
การยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA FREE) ความพยายามในการเพิ่มเที่ยวบินจากต่างประเทศ และการกระตุ้นกิจกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบงาน Event ต่างๆ ตลอดทั้งปี เช่น การจัดเทศกาลสงกรานต์และเพิ่มวันหยุดยาวช่วงดังกล่าวเชื่อว่าเทศกาลมหาสงกรานต์ปีนี้จะคึกคักมากเป็นพิเศษอย่างแน่นอน
การยกระดับจังหวัดสู่เมืองหลักที่เข้มแข็งพร้อมการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งหอการค้าฯ และรัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมการผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัด นครพนม ศรีสะเกษ แพร่ ลำปาง นครสวรรค์ กาญจนบุรี ราชบุรี จันทบุรี ตรัง และนครศรีธรรมราช ที่ถือเป็นบิ๊กโปรเจคที่หอการค้าฯ และรัฐบาลจะร่วมกันดันเศรษฐกิจในระดับจังหวัดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ทั้งการท่องเที่ยว การลงทุน โดยภาคเอกชนพร้อมที่จะเริ่มกระตุ้นการลงทุนในท้องถิ่นอย่างจริงจัง และการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ด้วยการเร่งเดินหน้าเจรจา FTA เพื่อขยายตลาดการค้า การลงทุน ที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เช่น ซาอุดิอาระเบีย เวียดนาม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
