นายกฯ นำครม.ใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ 27 มี.ค. โต้เสียงวิจารณ์”ตรีนุช” ย้ำทำไม่ดีก็ต้องถูกปรับออก เมินม็อบนัดชุมนุมเย็นนี้ จนท.ทำงานอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า จะนำ ครม.ใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญานตน ก่อนเข้ารับการปฏิบัติหน้าที่ ในวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.นี้ส่วนกระแสวิพากวิจารณ์ ว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาการ ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษา นั้น นายกฯ ได้ชี้แจงว่าการทำงานมีหลายระดับ
โดยในส่วนของนโยบายมีตนเองกำกับดูแลอยู่แล้ว รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย แนวทางการปฏิบัติให้รัฐมนตรีไปดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งเรื่องปฏิรูปการศึกษาและพ.ร.บ.การศึกษา ดังนั้น ใครจะมาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตามกรอบนี้ อย่ามาบอกว่านายกรัฐมนตรี ไม่รู้รายละเอียด เพราะนายกรัฐมนตรี รู้แต่ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ก็ติดตามมาตลอด
พร้อมย้ำว่า การทำงานของรัฐบาลวันนี้ ไม่ใช่ทำงานการเมือง เป็นการทำงานตามกรอบ อำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหาร ทุกคนที่เข้ามาคือ ส.ส.ที่ประชาชนเลือกมา ก็ต้องเครพในสิทธิของเขา ในการที่จะเป็นรัฐมนตรี แต่ทั้งหมด ต้องถูกบริหารโดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
ส่วนที่มีนักวิชาการออกมาให้ความเห็น นั้น ตนเองก็เครารพในความรู้ แต่ในเชิงบริหารก็ต้องเข้าใจ ถ้าตามหลักวิชาการทุกคนรู้ ไม่ต่างกันมากนักแต่ทำอย่างไรสิ่งที่พูดมาและหวังดีทุกคน จะทำได้ต้องอาศัยความร่วมมือ เข้าใจในนโยบายของรัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับ ครม. แต่หากทำไม่ดี ก็จะต้องถูกปรับออก โดยมีการประเมินการทำงานรัฐมนตรี ทุกกระทรวงอยู่แล้ว โดยมีการรายงานความคืบหน้า ผลการทำงานทุก 3 เดือน
“วิโรจน์” ซัดปรับ ครม.ตอบสนองระบบมุ้งขั้วการเมือง ไม่ใช่แก้ปัญหาให้ประชาชน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่2 กับชื่อรัฐมนตรี ก็สะท้อนได้ชัดว่า เป็นการปรับตำแหน่ง เพื่อการขยับสับเปลี่ยนขั้วอำนาจเท่านั้น ไม่ได้มุ่งที่จะหาคนที่เหมาะสม มาขับเคลื่อนนโยบายกระทรวง เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนเลย
อย่าง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนางสาวตรีนุช เทียนทอง การได้มาซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีของทั้ง 2 คนนี้ จึงเป็นการปรับตำแหน่ง เพื่อยึดโควต้ารัฐมนตรีคืน จากกลุ่ม กปปส. ตามสำนวนไทยที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนทัพ เท่านั้น แต่ประเด็นที่เป็นข้อสังเกตก็คือ น.ส.ตรีนุช ไม่เคยมีบทบาท ที่เด่นชัดในงานด้านการศึกษาเลย จึงเป็นที่สงสัยของประชาชน ว่าจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหา และพัฒนาการศึกษาของชาติ ได้หรือไม่
สำหรับนายชัยวุฒิ มีข้อกังวลที่ว่า บทบาทที่ผ่านมา มีท่าทีปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อผู้ชุมนุม จึงตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อาจจะเข้ามาเพื่อเซ็นเซอร์ และจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออกในโลกไซเบอร์มากกว่า
ด้านนายสินิตย์ เลิศไกร นี่ประหลาดใจมาก จะไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แทนที่นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล โดยนายวีรศักดิ์ ย้ายไปเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ทำให้พรรคภูมิใจไทย ยึดกระทรวงคมนาคมไว้ได้ และทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ยึดกระทรวงพาณิชย์ได้ทั้งกระทรวง
ดังนั้น การปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปรับ เพื่อหาคนที่เหมาะสม มาทำงานให้กับประชาชน แต่เป็นการปรับ เพื่อตอบสนองต่อระบบมุ้ง ระบบขั้วการเมืองเท่านั้น
นายกฯเมินม็อบคัมแบ็กนัดชุมนุมเย็นนี้ ลั่นไม่ต้องสั่งการอะไรเพิ่มเติมมี จนท.ทำงานอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมประกาศนัดชุมนุม พร้อมจัดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ จะมีการกำชับ หรือสั่งการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ว่า ก็ประกาศนัดชุมนุมไปไม่ต้องไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม และไม่ต้องสั่งทุกวัน เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่มีใครอยากทำให้ไม่เกิดความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว ทั้งนี้ ขออย่ามองเพียงด้านเดียว ให้มอง 2 ทาง ย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องสั่งอะไรเพิ่มเติมแต่เป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันนี้ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม หรืออะไรต่างๆ ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งได้มีการผ่อนผันและอนุโลม แต่เมื่อทำผิดมากๆเข้า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะเกิดความสับสนอลหม่านจึงขอให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นายกฯแจงยอมให้ปชป.-ภท.สลับกระทรวง อยากให้เร่งสร้างผลงาน ช่วยกันบริหาร ทำประเทศให้ดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การสลับตำแหน่งของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ว่า ต้องการให้ 2 กระทรวง เร่งขับเคลื่อนงาน ให้เร็วขึ้นเพราะมีความสำคัญ ในการสร้างโอกาส จัดทำโครงสร้างพื้นฐานให้ทุกคนเข้าถึงโดยเร็ว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องเร่งหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งหลายอย่างอาจจะมีปัญหา ติดขัดเพราะความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันเพราะบางครั้งการสื่อสารออกมาอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่ห้ามความคิดของคนไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องหาความร่วมมือระหว่างกัน ถ้าอยากเห็นประเทศเราดีเราจะต้องช่วยกันบริหาร ทำประเทศให้ดีขึ้น
ซึ่งตนคาดหวังเพราะมีหลายอย่าง ต้องเร่งรัดดำเนินการ ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ถือจะมีการปรับ ครม. แต่ถ้าหากทำไม่ดี ก็ต้องมีการปรับออก
นายกฯบอกกองข้าวสาร 700 กระสอบ อย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กรณีกองข้าวสาร 700 กระสอบ ที่ตั้งอยู่ที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ว่า ได้ชี้แจงไปแล้วเมื่อวานนี้ส่วนข้อสงสัยที่ระบุว่ามีการปิดชายแดนแต่เหตุใดจึงสามารถทำการค้าขายได้นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้มีการปิดชายแดนแต่อย่างไร
พร้อมกับย้อนถามสื่อมวลชนว่า เขาปิด จนเปิดหมดแล้วคุณไม่รู้หรือ การค้าขายเป็นปกติทุกช่องทาง พร้อมยังระบุอีกว่า ผู้ที่ได้รับประโยชน์ตรงนี้คือภาคธุรกิจ เอกชน และประชาชน ซึ่งก็ต้องกินต้องใช้ ชายแดนติดกัน เศรษฐกิจก็พ่วงกันอยู่ เข้าใจหรือไม่ ทหารเหล่านี้ก็เป็นทหารตามแนวชายแดนเหมือนกับฝั่งไทย ก็ต้องกินเหมือนกันไม่ใช่หรือ
ส่วนเมื่อถามย้ำว่าข้าวสาร 700 กระสอบ ดังกล่าวเป็นข้าวสารจากประเทศไทยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีข้าวที่ไหนเข้ามายังประเทศไทยอีกตอนนี้ แต่เมื่อประเทศเขามีปัญหา เขาก็สั่งระงับการส่งของเขาเอง พร้อมย้ำว่า ทำไมต้องให้เกิดปัญหา เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเอาเรื่องนู้นไปพันเรื่องนี้ นั่นเป็นการบริหารราชการแผ่นดินของเขา ประชาชนเองก็ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า อย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไป
“ชลน่าน”อัดนายกฯหลงอำนาจ ที่ได้มาด้วย แผนการร้าย ท้าทายอำนาจประชาชน
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าระแวงว่าจะสืบทอดอำนาจก็ไปแก้รัฐธรรมนูญมา แต่แก้ให้ได้ก็แล้วกัน ว่า การออกมากล่าวเช่นนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจนว่ากำลังหลงอยู่อำนาจที่ได้มาโดยไม่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน แต่ได้มาด้วยแผนการร้ายที่มีการวางไว้ รวมทั้งเป็นการท้าทายอำนาจประชาชนไม่สนใจเพราะมั่นใจในอำนาจที่ตัวเองมีแสดงออกถึงความเหิมเกริมในอำนาจ
ขณะนี้ บ้านเมืองและประชาชนเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์จะหวงอำนาจไว้ทำไม จะอยู่ในอำนาจเพื่อ อยู่ทำลายประเทศชาติหรือ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควร เหิมเกริมท้าทายอำนาจประชาชน หากวันหนึ่งประชาชนหมดความอดทนน่ากลัวกว่าที่คิดไว้ การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนแบบโปรยทาน ไม่ช่วยประชาชนแต่รัฐบาลกลับใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากนโยบายโปรยทาน น่าละอายที่รัฐบาลใช้การช่วยเหลือประชาชนมาบังหน้าการทุจริต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news