นายกฯเห็นศักยภาพชายแดนใต้เร่งดันแหล่งดึงดูดท่องเที่ยว
นายกฯ ย้ำ 3 วันลงพื้นที่เห็นศักยภาพชายแดนใต้ เร่งดันแหล่งดึงดูดท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมเป็นแหล่งลงทุนในภูมิภาค ชี้ถกสันติภาพ สมช.พูดคุยตลอด ลั่น 3 ปีครึ่งที่เหลือรัฐบาลจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสมอภาค
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย หากพัฒนาให้ดีจะเป็นจุดหนึ่งที่สามารถเป็นจุดท่องเที่ยวของชาวโลกได้ด้วย สำหรับด่านศุลกากรที่เบตงมีความคับแคบจะต้องมีการ พัฒนาต่อไป ซึ่งระยะหลังมีการเปลี่ยนวิธีการ ปลูกพืชเศรษฐกิจจากยางพารามาเป็นผลไม้ โดย เฉพาะทุเรียน ซึ่งมีความต้องการสูงมากจากทั่ว โลก ฉะนั้นด่านนี้จะต้องมีการพัฒนาให้เหมาะสม
กับบริบทของเกษตรกรและเกษตรกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ต้องมีการขยายเลนส์ทางเข้าและออก อาจรวมไปถึงห้องเย็นด้วย ตรงนี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญ และได้มีการสั่งการแล้วจะให้ ดำเนินการขยายด่านศุลกากรนี้รวมถึงใบตม .6 ที่ ทำไปแล้วที่ด่านสะเดาสงขลา ทำให้นักท่องเที่ยวแต่ละสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3 เท่า ทำให้การค้าหมุนเวียนได้ดีขึ้นมาก
จึงได้สั่งการไปที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ไปปรับทุกด่านยกเลิก ใบตม.6 ทำให้การเข้าเมือง สะดวกสบายยิ่งขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเดียว ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ ก็เช่นกัน
นายเศรษฐา ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงเรื่องของการขยายถนนจากยะลา ไปจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางหลวง 410 หรือ การเจาะอุโมงค์ ที่จะทำให้การจราจรดีขึ้น ตรงนี้อยู่ ในแผนงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอยู่แล้ว โอกาสนี้ ตนยังได้ไปเดินที่เบตง มีโอกาสได้ไปทานข้าว เห็นความคึกคัก ความปลอดภัย และรอยยิ้มของพี่น้องที่มอบให้กับคณะของตนที่เดินทางลงมาใน
พื้นที่และเห็นศักยภาพของอ.เบตงแน่นอน เรื่องการท่องเที่ยวในอนาคตคิดว่าโรงแรมไม่ เพียงพอ ซึ่งได้มีการเรียกร้องมาแล้วว่าจะทำ อย่างไรต่อไป ปัญหาใหญ่เมื่อมีโอกาสแล้วจะมี แหล่งเงินทุนเพียงพอหรือเปล่า อันนี้เป็นหน้าที่ ของตนที่จะต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจกับธนาคาร พาณิชย์หรือธนาคารอิสลาม ให้ถูกนำมา ใช้ ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นแหล่งทุนที่ดีให้นักลงทุน
เข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อเสริม ศักยภาพการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูมิภาค นี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาจ.นราธิวาส เป็น ครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมาเมื่อปลายปี ดู เรื่องน้ำท่วม วันนี้มาได้ดูได้เห็น อะไร หลายๆอย่างถึงวัฒนธรรมที่ดี ได้ไปวัด และมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าประเทศไทยมีนักซ่อมคัมภีร์ศาสนาอิสลามระดับโลกอยู่ 2 คน ซึ่งคัมภีร์ต่างๆถูกส่งกลับมาซ่อมที่นี่ จึงได้บอกไป ทางกระทรวงการต่างประเทศว่า ต่อไปนี้เรา
จะต้องโปรโมทเรื่องนี้ และมีการสนับสนุนให้คนที่มีความสามารถในการ ที่จะซ่อมหรือเย็บเล่มคัมภีร์เหล่านี้ได้ อย่างที่ตนได้บอกว่า การมาที่แห่งนี้ อยากจะอยู่นานกว่านี้ เพราะมีคัมภีร์โบราณมากเป็นพันปีก็มีทำด้วยหนังแพะ และอยากจะฟังประวัติศาสตร์ให้ดีขึ้น ซึ่ง เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยว ทุกคน การมาสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้ ใน 3 วันนี้ได้เห็นถึงศักยภาพที่ดี
ส่วนเวลาที่มาตนคิดว่าเหมาะสม และอีกสัปดาห์หนึ่งก็จะเข้าสู่เทศกาลของเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเทศกาลที่ต้องมีความอดทน อดกลั้น และเป็นเทศกาลการให้อภัย ซึ่งตนขออวยพรให้ทุกท่านมีความ สุข และภูมิภาคนี้จะได้รับการดูแลให้มี ความเสมอภาค มีความเท่าเทียม การที่ บอกว่าอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำไมถึงไม่ได้ความเท่าเทียม ตนคิดว่า
ไม่เป็นความตั้งใจของรัฐบาลนี้ และใน 3 ปีครึ่งที่เหลือรัฐบาลนี้ จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเสมอภาคความเท่าเทียม โอกาส ที่ ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนรภาค ใต้พึงได้รับผลกระทบต่างๆที่เกิดมาใน อดีต จะพยายามแก้ไข และมองไปข้าง หน้า ได้เห็นถึงแววตาที่มาต้อนรับ การมาลงพื้นที่ของพวกตนได้รับความซาบซึ้ง เป็นแรงบันดาลใจให้ผลักดันสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ ไปถึงศักยภาพ ไปถึง จุดที่เขาสามารถไปถึงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ รัฐบาลนี้ จะมุ่งมั่นและทำต่อไป
นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า จุดประสงค์ในการมาลงพื้นที่ครั้งนี้ เน้นเรื่องศักยภาพของเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องความไม่มั่นคง เกือบไม่มีแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าการที่เราได้ไปเมืองต่างๆ ได้เห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างมโหฬาร ฉะนั้นตรงนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวมีความมั่นใจอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่พยายามเข้ามาดูแลเรื่องของประชาชนเรื่องของรัฐบาลที่ต่างคนต่างทำ
ตอนนี้เมื่อรัฐบาลเข้ามาแล้วก็เป็นตัวเชื่อมให้ทุกท่าน เข้าใจว่ามีความจริงใจและใส่ใจในการพัฒนาพื้นที่ให้ก้าวไปสู่ศักยภาพที่สามารถเป็นไปได้ ส่วนการพูดคุยสันติภาพนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่มีนโยบายพรรคเพื่อไทย มีนโยบายของรัฐบาลเรามีการพูดคุยกันไปโดยที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พูดคุย ทำงานควบคู่กับฝ่ายการต่างประเทศด้วย ซึ่งได้มีการพูดคุยกันตลอด
ส่วนจะยกระดับสนามบินนราธิวาสอย่างไรเพราะว่ามีชาวมุสลิม ทั้งไทยและมาเลเซียมาใช้มากเพื่อเดินทางไปทำฮัจญ์ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่แค่มาเลเซียอย่างเดียว สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ด้วย ซึ่งที่มาตนได้เห็นถึงศักยภาพอยู่แล้ว โดยรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะพยายามพัฒนาจุดท่องเที่ยวต่างๆให้เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเริ่มแรกต้องเพิ่มไฟท์ ส่วนเรื่องด่านศุลกากรตรวจคนเข้าเมืองตนคิดว่าไม่มีปัญหา ตรงนี้เราอยากให้พี่น้องที่จะเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย สามารถบินจองได้เหมือนกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews