Home
|
ข่าว

“ยุทธพร” มองปรับครม.มีโอกาสแต่แค่ปรับเล็ก

Featured Image
“ยุทธพร” มองรัฐบาลผลงานไม่กระเตื้องเพราะเป็นรัฐบาลผสม การตัดสินใจเน้นประนีประนอม ขณะก้าวไกลดึงคะแนนนิยมไปมาก เป็นอุปสรรครัฐบาลผ่าทางตัน ปรับครม.มีโอกาส แต่แค่ปรับเล็ก

 

 

 

 

 

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ผลงานของรัฐบาลว่า การขับเคลื่อนผลงานของรัฐบาลเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับรัฐบาล เพราะเป็นความคาดหวังของประชาชน และการจัดตั้งรัฐบาลที่ใช้ระยะเวลายาวนาน 3-4 เดือน ประชาชนจึงคาดหวังสูง โดยเฉพาะในเชิงนโยบาย แต่วันนี้รัฐบาลมีข้อจำกัดในการบริหารงาน เพราะรัฐบาลวันนี้ไม่เหมือนกับรัฐบาลของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ในอดีตที่มีเสียงค่อนข้างเด็ดขาด

 

 

รวมทั้งไม่ได้มีเสียงอันดับหนึ่ง ทำให้มีข้อจำกัดในการตัดสินใจ เพราะเป็นรัฐบาลผสม การตัดสินใจจึงใช้ลักษณะของการประนีประนอม อีกทั้งกระบวนการตรวจสอบในรัฐธรรมนูญที่เข้มข้น ทำให้มีการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ เช่นนโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีการตรวจสอบตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำนโยบายด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการทำงานของรัฐบาล

 

 

ขณะเดียวกัน การมีอยู่ของพรรคก้าวไกล ซึ่งมีอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน ดึงคะแนนความนิยมกันไปมา จึงเป็นจุดสำคัญที่รัฐบาลจะต้องผ่าทางตันทางการเมืองตรงนี้ให้ได้ ในการที่จะขับเคลื่อนนโยบาย ไม่เช่นนั้น จะมีคำถามจากประชาชนและสังคม ที่มองเรื่องประสิทธิผลในทางนโยบายทั้งที่แถลงต่อรัฐสภาและที่หาเสียงเลือกตั้งเอาไว้

 

 

จะส่งผลต่อความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล รวมถึงในอนาคตจะมีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติจากสว.ด้วย โดยสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการเมืองนอกสภาและในอนาคตหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะเป็นโจทก์สำคัญของรัฐบาลที่จะต้องตอบให้ชัดเจนในนโยบายต่างๆ รวมถึงการเข้ามาตอบกระทู้ในสภา ที่จะต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

 

 

ส่วนกรณีที่มองกันว่าเวลาอีก 3-4 เดือนจะครบการทำงาน 1 ปีของรัฐบาลมีปัจจัยอะไรที่ ส่งผลให้ต้องปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง แต่เป็นการปรับเล็ก โดยเมื่อทำงานครบ 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการประเมินการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคน อีกทั้งต้องมีการวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง การปรับอาจจะเป็นลักษณะของการ “จูนเครื่อง”

 

 

ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมีประสิทธิผลมากขึ้น หรือการเชื่อมต่อของกลไกรัฐ กลไกราชการให้ไร้รอยต่อส่วนท้ายสุดการเมืองในระบบรัฐสภา รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ มองว่า ส่วนใหญ่หรือเสียงข้างมากในสภาเป็นเรื่องสำคัญ หากความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลยังไปกันได้ หรือเป็นไปในทิศทางเชิงบวก โอกาสที่รัฐบาลไปต่อก็มีความเป็นไปได้สูง

 

 

ทุกวันนี้การเมืองนอกสภาก็มีการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ดังนั้น เสถียรภาพของรัฐบาลในสภา คือ การต้องคุยกันให้ลงตัว ในการเดินหน้ายุทธศาสตร์ รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรีด้วย

 

 

นายยุทธพร ยังกล่าวถึงการทำงานของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล โดยยังไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจสมัยประชุมนี้ว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านก็เป็นที่จับตาของสังคม เพราะในอดีต เราอยู่บนพื้นฐานความเชื่อทางการเมืองที่มองว่าคนเป็นรัฐบาลจะได้เปรียบ ในเรื่องของการใช้งบประมาณ การจัดสรรกำลังพล ขับเคลื่อนของระบบราชการต่างๆ แต่วันนี้การเมืองเปลี่ยนไป มีภาพสะท้อนให้เห็นว่าการที่ไม่อยู่ในฐานะของรัฐบาลก็สามารถสร้างพื้นที่ หรือสร้างผลงานหรือเรียกคะแนนนิยมได้

 

 

ซึ่งปรากฏการณ์ ของพรรคก้าวไกลก็เป็นผลงานที่พิสูจน์ตรงนี้ได้ แต่ปัจจุบันการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกลก็เริ่มถูกคำถามว่า ยังมีความเข้มข้น ในการตรวจสอบเหมือนกับตรวจสอบรัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องของเอกภาพของฝ่ายค้าน ซึ่งสังคมก็ยังตั้งคำถามว่าฝ่ายค้านยังมีเอกภาพอยู่หรือไม่ ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์

 

 

ยังมีความสัมพันธ์ที่จะขับเคลื่อนหรือทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องของการยื่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ถูกสังคมตั้งคำถาม กันว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมนี้ เป็นเพราะมีดีลลับหรือไม่ หรือเป็นเพราะมีการพูดคุยกันเบื้องหลังหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวมองว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้นหากจะเปิดอภิปราย ไม่ไว้วางใจไว้วางก็ควรมีหมัดเด็ดหมัดน็อค ไม่เช่นนั้นจะเสียของได้

 

 

ทั้งนี้ มองว่าจะมีปรากฏการณ์ที่ฝากเลี้ยง หรือการซื้อตัว สส.เกิดขึ้นในพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีบทเรียนจากปรากฎการณ์”ผึ้งแตกรัง”ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ ทำให้เรื่องการเกาะเกี่ยวทางการอุดมการณ์ กลไกที่จะเกาะกันเองในพรรคน่าจะมีสูงขึ้น แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นในการเมืองไทย นอกจากจะมีการเมืองที่เป็นทางการแล้ว

 

 

ในส่วนหนึ่งก็จะมีการเมืองที่ไม่เป็นทางการด้วย ฉะนั้น การใช้การเมืองที่ไม่เป็นทางการในการดูด สส. เพื่อที่จะทำให้เกิดการย้ายพรรคข้ามขั้ว ดังคำกล่าวที่ว่าพรรคเดียวกันแต่คนละขั้ว พวกเดียวกันแต่คนละพรรค ฉะนั้น ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการเช่นนี้สะท้อนให้เห็นการพลิกผันทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube