Home
|
ข่าว

“ดร.เอ้” จี้รัฐบาล แก้ปัญหา PM 2.5 กรุงเทพ-เชียงใหม่

Featured Image
“ดร.เอ้” จี้รัฐบาล แก้ปัญหา PM 2.5 กรุงเทพ-เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยี ย้ำฝุ่นไม่ได้มาตามฤดูกาล แต่คนปล่อยฝุ่น และเตือนประชาชน พื้นที่เปราะบาง

 

 

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. และ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ได้รับเชิญ จากกลุ่มงานผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  ในโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ครั้งที่ 1 ณ ห้องดวงตะวันแกรนด์บอลรูม โรงแรมดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ และจะร่วมลงพื้นที่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ การเสวนาครั้งนี้เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับปัญหาอันเนื่องมาจากฝุ่น PM 2.5 และมลพิษทางอากาศ เพื่อนำไปสู่การผลักดันการแก้ไขทั้งในด้านนโยบาย ด้านกฎหมาย และการดำเนินการตามกระบวนการนิติบัญญัติต่อไป

 

นายสุชัชวีร์ กล่าวถึง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่ขณะนี้ได้ระดมความคิดอย่างเข้มข้นจากภาคประชาชน กฎหมายฉบับนี้จึงถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการในเชิงระบบ สร้างเครื่องมือและมาตรการทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มาตรการทางกฎหมายดังกล่าวสามารถรองรับและแก้ไขสถานการณ์ปัญหามลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยแสดงให้เห็นจุดเปลี่ยนของการต่อสู่กับมลพิษทางอากาศ จึงจำเป็นต้องนำมลพิษของกรุงเทพมหานครมาพูดซึ่งกฎหมายควบคุมมลพิษของกรุงเทพมหานครนั้นค่อนข้างดีแต่ยังคงไม่เพียงพอ กับการมีอากาศสะอาด ซึ่งยกตัวอย่างสถานที่หลักๆสำคัญที่มีค่าPM 2.5 เกินมาตรฐาน ได้แก่ หน้าโรงเรียน หน้าโรงพยาบาล จุดพักคอยใต้รถไฟฟ้า ซึ่งเกินมาตรฐานมากถึง 200 ไมโครกรัม

 

ดร.เอ้ ย้ำ “ฝุ่นไม่ได้มาตามฤดูกาล” ความเป็นจริง “ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานทุกวัน” พฤติกรรมของฝุ่นนั้น มีน้ำหนัก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส โดยเฉพาะช่วงเช้าเกิดฝุ่นมาก ผลกระทบตกไปอยู่ที่ลูกหลาน เด็กเล็กไปโรงเรียนได้รับผลกระทบโดยตรงและสาเหตุสำคัญ ที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 รุนแรงจากการวิ่งของรถขนาดใหญ่ โดยชั่วโมงเร่งด่วน PM2.5 ยิ่งมาก

 

กทม. นั้น ไม่มีช่วงเวลาให้ธรรมชาติ ได้เยียวยา ภาคการขนส่งขนาดใหญ่ประชาชนได้รับผลกระทบตรงๆ ควรจะจัดการจากต้นตอที่มาจากรถขนาดใหญ่เป็นอันดันแรก เสนอรัฐบาล ควรมีมาตรการช่วยเหลือบ้าง ยกตัวอย่างการเปลี่ยนไส้กรองรถขนาดใหญ่ เพื่อให้การสันดาปของรถดีขึ้นไม่มากก็น้อย

 

จากนั้น กล่าวถึงพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดโดยหยิบยกหัวข้อหลักให้เห็นภาพ ว่าพ.ร.บ. นี้จะส่งผลต่อประชาชน และสุขภาพประชาชนอย่างไร

 

ข้อแรก ให้ยึดถือสุขภาพประชาชนเป็นสำคัญ โดยยกประเทศจีนเป็นตัวอย่างที่ดีมาก จากปักกิ่ง แก้ไขและฟื้นฟูประเทศได้ในเวลา 7 ปี เพื่อจะจัด กีฬาโอลิมปิก เศรษฐกิจจีนยิ่งโตขึ้น เพราะเมืองดี สุขภาพประชาชนดี ต่างชาติเข้าหาประเทศไทยเราเช่นกัน ถ้ามีอากาศที่ดี เศรษฐกิจจะดียิ่งขึ้น และควรกำหนดค่ามาตรฐานตามต่างประเทศ ซึ่งค่ามาตรฐานบ้านเรานั้นยังห่างจากมาตรฐานต่างประเทศอีกมาก “ประเทศอื่นเคยเจอหนักกว่า แก้ปัญหาได้ ทำไมประเทศไทย จะทำไม่ได้”

 

ข้อสอง จากการร่างพ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดนั้น สามารถเรียกดูข้อมูลจากผู้ใครก็ได้ หรือแม้กระทั่งเอกชน ข้อมูลนั้นต้องเปิดเผย ไม่มีสิทธิ์ที่จะอ้างว่าเป็นความลับทางการค้า เพราะปัญหาฝุ่น คือ ทำลายสุขภาพของประชาชน

 

ข้อสาม ต้องติดตั้งอุปกรณ์วัด และแสดงผลชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เสนอ “การติดตั้งเครื่องรายงานค่าฝุ่น ในพื้นที่เปราะบาง-เสี่ยง” เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน พื้นที่รถติดมีการจราจรหนาแน่น โดยควรติดที่จุดกำเนิดหลัก โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ไซต์งานก่อสร้าง การติดตั้งอุปกรณ์ชี้วัด แสดงผลในพื้นที่เหล่านี้สำคัญมาก เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงผลักดันสิ่งนี้เป็นอย่างมาก

 

ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เน้น “เน้นห่วงใยสุขภาพ คนไทยและลูกหลาน ต้องมาก่อน และใช้เทคโนโลยี เพื่อเตือนภัย และหาต้นตอผู้ปล่อยฝุ่นพิษ ”

 

จึงอยากให้จังหวัดเชียงใหม่ ต้อง “รู้” ก่อนว่าพื้นที่ไหนมี PM 2.5 หรือเช็คค่าฝุ่นเบื้องต้นเพื่อทราบข้อมูล พื้นที่ควรหลีกเลี่ยงจากแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อตรวจเช็คค่าฝุ่นจากจุดใกล้ตัว ว่าค่าฝุ่นที่แสดงมีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรา ทราบค่าฝุ่นได้แม่นยำมากขึ้น ก็ต้องมาจาก “จำนวนจุดวัดคุณภาพอากาศ ที่มากเพียงพอ” ซึ่งควรมี “การติดตั้งอุปกรณ์วัด และการแสดงผลที่ชัดเจน” เพื่อให้ประชาชนสามารถทราบค่าได้อย่างแม่นยำและประชาชนเชียงใหม่จะได้หลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่นั้นๆ เป็นอันดับแรก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube