ปชป.ย้ำจุดยืนนิรโทษกรรมต้องไม่มีคดีทุจริต-112 เหตุคดีเหล่านี้ไม่เกี่ยวแรงจูงใจทางการเมือง กังวลอาจนำคดีจำนำข้าวพิจารณาด้วย วอนอย่าใช้”ทักษิณโมเดล” นำ “ยิ่งลักษณ์” กลับบ้าน หวั่นประชาชนลุกฮือ
ในวันนี้ ( 9 มี.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ว่า จะมีนิโทษกรรมโดยการนับเวลาจากช่วงเหตุการณ์โดยเริ่มนับจากวันที่ 1 มกราคม 2548 และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อที่จะเก็บสถิติคดีที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเมือง เพื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในชั้นตำรวจ คดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม และองค์กรอื่น และในส่วนของมาตรา 112 นั้นก็ยังไม่มีความชัดเจน ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการนับช่วงเวลาของกรรมาธิการ แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหา คือความไม่ชัดเจนของกรรมาธิการในเรื่องคดีทุจริต ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาแล้วจะพิจารณาไปในแนวทางใด ตนไม่ได้ก้าวล่วงแต่มีความเป็นห่วง แต่ถ้ารวมคดีทุจริตไปด้วยพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะที่ผ่านมาองคาพยพของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมีพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม คดีทุจริต ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้ว และคดีที่ยังไม่แล้วเสร็จอาจจะทำให้หลุดไปด้วย
รวมถึงคดี 112 พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นว่า ไม่ควรที่จะมีการนิรโทษกรรม เพราะทั้งคดีทุจริตและคดี 112 ไม่ได้มีเหตุแรงจูงใจจากทางการเมือง ที่จะต้องให้เกิดกระทำความผิดในเรื่องดังกล่าว
ฉะนั้น 2 เรื่องนี้เป็น 2 เรื่องที่สำคัญที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ติดตามและแสดงจุดยืน ว่าไม่เห็นด้วยถ้าจะมีการนิรโทษกรรมในคดีทุจริตและคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ส่วนคดีอื่นๆคณะกรรมาธิการจะพิจารณาก็ต้องติดตามดูว่ามีองค์ความผิด ฐานความผิดใดบ้างที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจาณา ซึ่งทำถูกต้องแล้วที่ไม่เอาตัวบุคคลเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการนิรโทษกรรมจากกฎหมายดังกล่าว นายราเมศ ยอมรับว่ากังวล เพราะในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมามีการให้สัมภาษณ์ของบุคคลในรัฐบาลว่านางสาวยิ่งลักษณ์ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองจนเกิดเป็นคดีทุจริตรับจำนำข้าว ซึ่งนี่เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เขาอ้างว่าตั้งต้นมาจากปฏิวัติรัฐประหาร แล้วนำมาสู่การดำเนินคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ความเป็นจริงแล้วในส่วนของคดีจำนำข้าว เกิดขึ้นด้วยระบอบประชาธิปไตย
ตรวจสอบภายใต้ฝ่ายนิติบัญญัติที่ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วได้มีการยื่นเพื่อดำเนินคดีต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ขณะนั้น และไม่ได้เป็นกระบวนการที่เกิดจากการกลั่นแกล้ง ซึ่งท้ายที่สุดคดีก็ขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็หนีคดี หนีออกนอกประเทศ
“ถามว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ก็ต้องกลับไปอ่านมาตรา 157 การที่มีความผิดก็ต้องตั้งต้นมาจากเจตนาว่ามีความผิดแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่นคำพิพากษาศาลฎีการะบุไว้ชัดเจน เชื่อว่าคณะกรรมาธิการจะมีการนำคดีทุจริตของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาพิจารณาด้วย” นายราเมศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอ้างว่ายึดหลักยุติธรรม หลักกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดินแต่ขณะนี้แนวทางของรัฐบาล ทำตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง หลักนิติธรรมที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันรัฐบาลนี้เหยียบย่ำคำว่าหลักนิติธรรมไม่มีชิ้นดีวันที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลแถลงเรื่องยึดหลักนิติธรรม ไว้เป็นประเด็นแรกๆแต่กลับทำตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีข่าวว่าจะเดินทางเข้าประเทศ ว่าไม่มีใครห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนไทย สามารถกลับเข้าสู่ประเทศได้แต่เมื่อกลับเข้าสู่ประเทศแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ว่าจะคดีที่เป็นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องจับตาดูว่าจะใช้กรณีทักษิณโมเดลหรือโล่ทักษิณเป็นแนวทางในการที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหลักการหรือไม่
เบื้องต้นคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เมื่อเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนจะใช้ระเบียบตัวใด ตนคิดว่าไม่อยากให้ใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นระเบียบใหม่ กับกรณีต่างๆเหล่านั้น ซึ่งพรรคก็จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะไม่แน่ใจว่าจะใช้กระบวนการใดหากใช้ทักษิณโมเดลอีกตนเชื่อว่าความขัดแย้งในบ้านเมืองก็จะมากขึ้นพี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วยก็จะมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews