นายกฯ ขออย่ามองซ้อนอำนาจ แพทองธาร ชี้ วิกฤติทำคนเดียวไม่ได้ ย้ำเดินทางต่างประเทศช่วยแก้วิกฤต ดึงนักลงทุนเข้าไทย กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย พร้อมรับฟังคำวิจารณ์และปรับปรุงการทำงาน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีสื่อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาต่างประเทศ แล้วบอกจะแก้วิกฤติประเทศได้อย่างไร ว่า การที่ตนเดินทางมาต่างประเทศก็ถือเป็นการแก้วิกฤติอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเซ็นสัญญา FTA ซึ่งในอดีตไม่ได้ทำ การดึงนักลงทุนไปลงทุนในประเทศในอดีตก็ไม่มีการทำ ซึ่งถือเป็นการแก้วิกฤติในระยะกลางและระยะยาวอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีนักลงทุนเข้ามาในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอย ทำให้มีจ้างงานที่มากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นจุดนึงในการแก้ไขปัญหาวิกฤติ
ส่วนที่กังวลต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเรื่อยๆหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวกังวลทุกเรื่อง และรับฟังทุกเรื่องกับทุกสื่อที่ให้คอมเมนต์มา หากทำได้ ก็จะปรับปรุงตัวเองและปรับปรุงวิธีการทำงานของตัวเอง
ส่วนการร่วมคณะ ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่ถูกมองว่าเป็นภาพทับซ้อนของอำนาจนั้น ว่า ขอให้ดูว่าเป็นการช่วยกันทำงานมากกว่าเพราะน.ส.แพทองธาร เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งตนมาเจอบริษัทใหญ่ๆที่เกี่ยวข้อง กับซอฟพาวเวอร์เกี่ยวกับเรื่องแฟชั่น เกี่ยวกับเรื่องดีไซน์ และอีเวนท์ ว่าจะสามารถเอาสินค้าอะไรเข้าไปได้บ้าง เช่น เมื่อวานไปห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดใน กรุงปารีส มีห้องสตูดิโอที่เป็นพื้นที่ให้กับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ มาพบปะพูดคุยกัน น.ส.แพทองธารก็บอกว่าจะนำไปทำที่พรรคเพื่อไทยเพื่อเปิดโอกาสเปิดพื้นที่ให้กับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ที่มีไอเดียใหม่ๆได้มาพบปะพูดคุยกัน ขออย่าคิดว่าเป็นการทับซ้อนอำนาจหรือไม่เลยมองว่าเป็นการช่วยกันทำงานมากกว่าเพราะทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤติ ทำคนเดียวอาจจะไม่ไหวต้องมีคนช่วยทำด้วย ส่วนตัวไม่ได้ติดอะไรตรงนี้
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ ถึงการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ว่าจะได้พบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ตารางของตนเองแน่นแล้ว ไม่ได้นัดหมายอะไรกัน เว้นเสียแต่ว่าจะไปทานข้าวหากว่างก็จะไป เพราะภารกิจของตนเองแน่นอยู่แล้วต้องไปดูเรื่องของไฟป่าที่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ต้องมีการให้รางวัลนำจับกับผู้ที่ชี้เบาะแสคนเผาป่า ซึ่งฝ่ายความมั่นคงทางทหารตำรวจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่
ส่วนที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยกให้เชียงใหม่เป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและจุดความร้อนได้สำเร็จแต่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่พีคที่สุดแต่ ณ ปัจจุบันคือวิกฤตของจริงทั้งเรื่องฝุ่นและจุดความร้อนนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก่อนหน้านี้ก็คือความจริงเช่นกัน เพราะรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้จุดความร้อนลดลงถึง 4 เท่า แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่พีคจริงๆ ฉะนั้นต้องเปรียบเทียบกับช่วงที่พีคเหมือนปัจจุบันดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการทุกอย่างก้าวหน้าไปด้วยดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews