วิปรัฐบาล พร้อม ถกงบวาระ2-3 กำชับ สส.อยู่ครบองค์ฯ ชี้ หากองค์ประชุมล่ม ต้องรับผิดชอบ ยันเพื่อไทยตั้งรับฝ่ายค้านซักฟอก “อาการป่วยทักษิณ” ย้ำต้องดูข้อเท็จจริง ลั่นประท้วงทันทีหากล้ำเส้น
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) และนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาลให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระที่ 2-3 ในวันที่ 20- 22 มี.ค.67 นี้
โดยนายครูมานิตย์ กล่าวว่า เป็นงานปกติ ในวันนี้จะมีการพูดคุยกันถึงกรอบระยะเวลาว่า แต่ละพรรคจะรับเวลาไปกี่ชั่วโมงในการอภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้กำหนดบุคคลที่จะแปรญัตติไว้ว่า ไม่ควรอภิปรายเกิน 3 หัวข้อ เนื่องจากมีเวลาจำกัด โดยฝ่ายค้านมี 22 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล และ สส.ฝั่งรัฐบาล 6 ชั่วโมง และประธานสภาฯ 2 ชั่วโมง
จึงพยายามบีบเวลาให้เหลือน้อยที่สุด แต่ไม่ได้กลัวอะไร เพราะในชั้น กมธ. มีการถกจนสะเด็ดน้ำแล้ว รวมถึงต้องขอชมเชย กมธ.ในปีนี้ว่า ทำงานได้รวดเร็วมาก ลดเวลามาได้ถึงสองสัปดาห์
ส่วนในวาระ 2 และ 3 จะมีการกำชับ สส.ฝั่งรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากมีการลงมติรายมาตรา นายครูมานิตย์ กล่าวว่า “แน่นอน” ไม่ใช่เฉพาะเรื่องงบประมาณ ทุกเรื่องได้กำชับกันมาตลอด เรื่ององค์ประชุมนั้นเป็นเรื่องสำคัญการเมืองหลังจากนี้ไป หากผู้แทนฝ่ายรัฐบาลไม่อยู่ในห้อง ฝ่ายค้านขอตรวจสอบองค์ประชุมและเกิดองค์ประชุมล่ม ถือเป็นความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบ ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และเป็นความรับผิดชอบอย่างรุนแรงสำหรับผู้เป็นตัวแทนราษฎร
ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวว่า การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระ 2-3 เป็นการอภิปรายในประเด็นที่มีการขอแปรญัตติ ขอสงวนคำแปรญัตติว่า มีเหตุผลมากน้อยเพียงใด เท่าที่ตนดูแต่ละมาตราก็มีการเสนอคำแปรญัตติไว้มากแต่ประเด็นอยู่ที่ยอดงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้ จะปรับเพิ่ม หรือ ลด ให้กระทรรวงไหนเท่านั้น
สำหรับกรณีที่ สว. และฝ่ายค้าน จองกฐินอภิปรายเรื่องกระบวนการยุติธรรมและอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มองว่าอาจป่วยไม่จริงนั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้ท้าเรื่องนี้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง ดูจากหน้างาน หากมีการอภิปรายที่ใส่ร้ายกัน ซึ่งนายทักษิณ ถือเป็นบุคคลภายนอกสภา หากไปอภิปรายเรื่องส่วนตัวก็ถือว่าผิดข้อบังคับ ก็ต้องมีการประท้วงและชี้แจงกัน ดีไม่ดีอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้
อย่างไรก็ตาม ในวิปไม่ได้มีการหารือกัน โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามปกติ เพราะที่ผ่านมาตนเข้าใจว่าสังคมทราบเรื่องนี้ แต่คนที่ไม่ยอมรับทราบก็คือคนที่ไม่ยอมรับ ส่วนที่ยอมรับก็ยอมรับ และคิดว่าเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณมีการพูดไปไกลมากแล้ว ซึ่งความจริงนายทักษิณออกจากโรงพยาบาลมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์อาการป่วยทุกวัน จึงคิดว่าเป็นเพราะไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นพวกตนไม่ได้ท้าทาย แต่เชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมจะตอบทุกคำถาม รวมถึง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ และเคยตอบกระทู้ไปหลายครั้งแล้ว จึงคิดว่าไม่น่ากังวล
ทั้งนี้ จะต้องมีทีมกฎหมายมาจับตาดูหรือไม่นั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า การจับตาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ถึงกับต้องตั้งวอร์รูม เพราะในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มี นายชูศักดิ์ ถือเป็นกฎหมายชั้นยอดของรัฐบาลอยู่แล้ว และพวกตนซึ่งมีประสบการณ์ในสภาก็คงจะวินิจฉัยได้ว่าอะไรถูกหรือผิด อะไรพูดได้ พูดไม่ได้ จึงไม่น่าหนักใจ
ส่วนถึงขั้นจะฟ้องร้องหรือไม่ เป็นเรื่องของคู่กรณี พวกตนซึ่งเป็น สส. มีหน้าที่ลุกขึ้นชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจข้อบังคับรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงในบางส่วน เพราะตาของตนกับเขามองคนละมุม เหมือนเลข 6 กับ เลข 9 ถ้ามองคนละมุม ก็มองต่างกันได้ ส่วนการฟ้องร้องเป็นเรื่องของบุคคลภายนอก หากมีการใส่ร้าย ก็เป็นเรื่องที่คนนอกจะฟ้องร้อง เพราะกฎหมายไม่ได้
ขณะเดียวกัน มองอย่างไรกับการที่ นายทักษิณ พบปะมวลชน จะทำให้คะแนนของพรรคเพื่อไทย ได้รับความนิยมมากขึ้นหรือไม่ นายครูมานิตย์ ระบุว่า วันนี้ยังประเมินอะไรไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งคือคนที่รักนายทักษิณก็มาให้กำลังใจมากมาย ไม่ใช่เฉพาะคนเชียงใหม่ แต่คนเชียงรายลำพูน และคนอีสาน ก็ไปหา เชื่อว่าความเป็นห่วงเป็นใยของนายทักษิณกับประชาชนที่มีความศรัทธากันในอดีต ซึ่งจะอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ถ้าไม่ใช่นายทักษิณประชาชนก็คงลืมไปแล้ว วันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า 17 ปียังไม่ได้จางหาย ถือเป็นเรื่องปกติของความศรัทธาแต่เรื่องอย่างอื่นที่เกี่ยวกับกระบวนการการเมืองนั้นตนคิดว่าเร็วเกินไปที่จะประเมิน
แต่คนบางส่วนมองว่า นายทักษิณหายเร็วเกินไป และไม่เชื่อว่าป่วยจริง นายครูมานิตย์ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองแต่ละคน แต่ขอให้เชื่อว่าคนอายุ 75 ปี สภาพร่างกายก็จะไม่ค่อยปกติ เป็นเรื่องธรรมดา ก็แล้วแต่มุมมอง ถ้าคนที่ชอบ ก็มองด้วยความเป็นธรรม แต่ถ้าคนไม่ชอบถึงจะนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล แม้ไม่เห็นหน้า ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้นายทักษิณหายเร็วคือกำลังใจ ยาไม่ได้ทำให้หายไวแต่กำลังใจทำให้หายไวกว่า
ทำให้นายชูศักดิ์ กล่าวเสริมทันทีกับผู้สื่อข่าวว่า การที่มาถามและไม่เชื่อเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ เราต้องถามตัวเองว่า มองปัญหานี้เป็นปัญหาส่วนรวม หรือเป็นปัญหาการเมือง เป็นปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ และก้าวพ้นเรื่องนี้หรือไม่ ตนอยากให้เอาคำถามนี้กลับมาถามตัวเอง แล้วสุดท้ายจะรู้ว่าเป็นอย่างไร และส่วนตัวคิดว่าการตั้งคำถามแบบนี้เป็นการถามเพื่อมีความเห็นและรู้สึกว่าความขัดแย้งยังมีอยู่ และยังก้าวไม่พ้นเรื่องพวกนี้เลย ตนขอเชิญชวนทุกคนมาคิดเรื่องบ้านเมือง เรื่อง PM 2.5 เรื่องเศรษฐกิจ ก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้จะดีกว่า
ดังนั้น การที่จะมาตัดสินใจว่าป่วยจริงหรือไม่ คำถามคือใครเป็นคนชี้และตัดสินใจ ซึ่งตนเชื่อว่านายทักษิณไม่ได้ตัดสินใจเองว่า ตัวเองป่วยหรือหาย แต่เรื่องนี้มีคนรับผิดชอบหรือคณะกรรมการ ตัดสินใจและชี้แจงมาโดยลำดับ โดยรวมอยากให้ก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ และอย่าเอามาเป็นประเด็น ท้ายสุดก็จะวนเวียนกับเรื่องนี้ ประเทศไทยจึงก้าวไม่พ้นอะไรกันสักที แล้ววนกลับไปที่เดิม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews