สภา เตรียมพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณ 67 วาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังวันแรก ผ่านแล้ว 15 มาตรา
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้จะเริ่มขึ้นในเวลา 09:00 น. โดยเป็นวันที่ 2 ของการพิจารณาเรื่องคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วคือ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระ 2 และวาระ 3 วงเงินงบประมาณ 3,480,000 ล้านบาท มีทั้งหมด 41 มาตรา โดยวันแรกที่ประชุมพิจารณาไปได้ถึง มาตรา 15 งบประมาณในกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในกำกับเสร็จสิ้น นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมไปในช่วงเวลา 23.59 น. และจะเริ่มพิจารณาต่อในช่วงเช้าวันนี้
สำหรับภาพรวมการพิจารณารายมาตราที่น่าสนใจของวันแรก อาทิ มาตรา 8 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 6 หน่วยงาน วงเงิน 85,398 ล้านบาท ที่นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้เสนอปรับลดงบประมาณลง 8,000 กว่าล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 10 แม้กรรมาธิการวิสามัญฯ จะมีการแก้ไขปรับลดงบประมาณในมาตรานี้ลง 2,485 ล้านบาทแล้ว แต่ตนมองว่าควรจะต้องตัดลดลงอีก ทั้งงบประมาณในส่วนของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม , กองบัญชาการกองทัพไทย , กองทัพบก โดยเฉพาะงบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ที่ขอรับงบไป 5,937,500 บาท มองว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เนื่องจากเป็นการบังคับให้ชายไทยที่ต้องเข้าไปอยู่ในค่ายทหารต้องตรวจเลือด ซึ่งมองว่าการถูกเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ เป็นการละเมิดสิทธิภายใต้หลักกฎหมาย
ส่วนมาตรา 12 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 21,767 ล้านบาท มีนายณัชชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล เสนอปรับลดงบประมาณลง 3% เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของประชาชนในแต่ละหน่วย ตั้งแต่แรกเกิดจนเสียชีวิตยังไม่สามารถจ่ายให้ได้อย่างคลอบคลุม เช่น เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นโครงการของกรมกิจการเด็กและเยาวชน จัดสวัสดิการให้กับเด็กแรกเกิด ถึง 6 ปี เดือนละ 600 บาท แต่มีการตกหล่นกว่า 1,500,000 กว่าคน หรือแม้เเต่งบประมาณของกรมกิจการผู้สูงอายุ ที่ดูแลเงินค่าทำศพของผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีรายได้น้อย จำนวน 3,000 บาท ก็มีการตกหล่นเช่นเดียวกัน
ขณะที่งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 46,344 ล้านบาท ตามมาตรา 13 มีผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติและอภิปรายมาตราในนี้ อาทิ นายระวี เล็กอุทัย สส.จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอปรับลดงบประมาณลง 0.5 % เนื่องจากงบประมาณส่วนใหญ่ของกระทรวง อว.จะไปอยู่ในส่วนของการสนับสนุนไปยังมหาวิทยาลัย
รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สำคัญ เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ,สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ตลอดจนองค์การมหาชนในกำกับที่ทำหน้าที่วิจัยในเฉพาะเรื่องต่างๆ ซึ่งตามรายงานประจำปีที่เผยแพร่ล่าสุดในปี 2565 พบว่า หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หรือ บพท. ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อโครงการวิจัยถึง 1,000 ล้านบาท แม้จะไม่สามารถเทียบเคียงกันได้อย่างชัดเจนระหว่างงบประมาณในระบบราชการหลักและหน่วยวิจัย แต่มีข้อกังวลว่าการจัดสรรงบประมาณสำหรับการสนับสนุนด้านการวิจัยของประเทศนั้นอาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนได้ และมองว่าควรจะต้องพิจารณาให้ละเอียดมากขึ้น
ด้านนางสาวเพชรรัตน์ ใหม่ชมพู สส.จากพรรคก้าวไกล เสนอตัดงบประมาณในส่วนของแผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ในโครงการพัฒนาทักษะกำลังคนของประเทศ ออกกว่า 115 ล้านบาท เนื่องจากเป็นงบที่ไม่ตรงปก ที่ตามโครงการควรจะเน้นหนักไปในเรื่องของการพัฒนาทักษะอัพสกิวและรีสกิล แต่ตัวชี้วัดไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ของชื่อโครงการ
ส่วนในมาตรา 15 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในกำกับรวม 9 หน่วยงาน จากงบเดิมตามร่าง พ.ร.บ.ที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการวาระหนึ่ง 65,841 ล้านบาท คงเหลือ วงเงิน 65,684 ล้านบาท โดยปรับลดงบประมาณหน่วยงานในกำกับหลายหน่วยงาน เช่น กรมทางหลวง ด้านแผนงาน ยุทธศาสตร์พัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ,กรมทางหลวงชนบท และสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ส่วนของแผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการพิจารณาในแต่ละมาตรา ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก พร้อมยังเห็นชอบด้วยกับเสียงข้างมากที่ได้มีการปรับลดงบประมานจากการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการฯ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews