สว.ถล่มปมทักษิณชี้ยธ.ไร้มาตรฐาน
“สว.สมชาย“ ถล่มนายกฯ ทำกระบวนการยุติธรรมไร้มาตรฐาน แซะ ”ทักษิณ“ อ้างว่าป่วย 4 โรค ขณะ “สว.ถวิล” ยก 5 ประเด็นต้มคนไทยจนเปื่อย คงต้องรอกกฎหมายเช็คบิลย้อนหลัง – กฎแห่งกรรมเล่นงาน
การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 แบบไม่ลงมติ โดยในช่วงของการอภิปรายถึงกระบวนการยุติธรรมมี สว. หลายคนออกมาอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยนายสมชาย แสวงการ สว. อภิปรายว่า วันนี้กระบวนการยุติธรรมประเทศกำลังเสื่อม ขาดความยุติธรรมถึงที่สุด นายกฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ปล่อยให้เกิดกระบวนยุติธรรม 2 มาตรฐาน บางคนเรียกไร้มาตรฐาน ที่ผ่านมาได้พบระดับอดีตผู้บริหารศาลหลายคน ทุกคนฝากให้แก้ไขกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำ ที่แม้ศาลจะตัดสินอย่างไร ก็มีกระบวนการลดโทษจากกรมราชทัณฑ์ที่บังคับใช้ไม่เท่าเทียมกับนักโทษทุกคน โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูแล้วไม่ใช่ความผิดนายทักษิณ แต่ปัญหา คือ ระบบการบังคับโทษ นายทักษิณได้ไปอยู่โรงพยาลตำรวจห้องวีวีไอพี อ้างว่า ป่วย 4 โรค ก็ขัดกับภาพที่นายทักษิณเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เดิน ลุกนั่ง ปลูกต้นไม้ ใช้มือขวาโหนรถกอล์ฟ ขึ้นบันไดบันไดดอยสุเทพ ได้ตามปกติ ดูแข็งแรงดี
นายสมชาย กล่าวว่า ยิ่งไปดูกฎกระทรวงที่มีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่คุมขัง และอายุ จากเดิม ระบุต้องได้รับโทษมา 1ใน3 และอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว มีการแก้ไขจากคำว่า “และ” เป็น “หรือ” ทำให้คนอายุ 70ปี ไม่ว่าจะโกงชาติบ้านเมืองหรือไม่ สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เรื่องนี้สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง วันใดเกิดวิกฤติศรัทธราจะนำมาซึ่งสึนามิ แก้ไขยาก ขอเสนอให้ดำเนินคคีกรณีนี้ 3 ทางคือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดหลักนิติธรรม เป็นที่สงสัยขัดกับการอภัยลดโทษหรือไม่ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทักษิณได้รับการรับโทษแล้ว 2.ร้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งการให้นายทักษิณเข้ารับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจและคำสั่งพักโทษ เป็นคำสั่งมิชอบ 3.การร้องต่อต่อป.ป.ช. เอาผิดนายกฯ รมว.ยุตะรรม และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี (สว.) อภิปรายในประเด็นปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ตอนหนึ่งว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในด้านกระบวนการยุติธรรม ตนขีดเส้นใต้ โดยเฉพาะที่ระบุว่า “เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นยอมรับของนานาประเทศ” เป็นคำแถลงที่สวยหรู ดูดีมาก แต่รัฐบาลนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม และหลักนิติธรรมของประเทศเป็นอย่างมาก ในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามที่แถลงไว้ ที่เด่นชัดสุด คือ กรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีไปหลายปี แล้วกลับมารับโทษ ตนยืนยันว่า เป็นเรื่องที่กระทบต่อนโยบายความยุติธรรมของคนทั้งประเทศ ทุกคนมีส่วนได้เสีย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่อดีตนายกฯกลับมารับโทษตามกฎหมาย เป็นเรื่องดี แต่ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบมาบนประเทศไทย เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับประเทศ ทั้งการได้รับสิทธิพิเศษ การต้อนรับที่ดี ตั้งแต่ลงมาจากเครื่องบิน จนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยไม่ชัดเจน ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ รมว.ยุติธรรม ยืนยันเสียงแข็งว่า ทำถูกต้องชอบธรรมครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้ กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ตรงปก ไม่ตรงไปตรงมา มันมีผลกระทบต่อสังคม คือ 1.ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมเพิ่มขึ้น 2.ส่งผลกระทบต่อค่านิยมของบ้านเมือง 3.ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ ความยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองไปหมดสิ้น 4.ทำลายระบบราชการ ทำลายกระบวนการยุติธรรมเสียหายย่อยยับ และ 5.การที่อดีตนายกฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ อภัยโทษลดโทษเหลือ1ปี แต่ในโทษ1ปีได้ถูกกระบวนการบริหารโทษทำปู้ยี่ปู้ยำ ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ฉ้อฉลเสียหาย ตนอด นึกไม่ได้ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้คำนึงถึงพระเกียรติยศ คำนึงถึงพระเมตตาของพระองค์ท่านหรือไม่
ดังนั้น สักวันหนึ่งคงต้องรอกฎหมายตามเช็คบิลการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และคงไม่ช้าเกินรอกฎแห่งกรรมจะได้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง มอบคุณมอบโทษให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตามวิบากกรรมการกระทำของทุกคน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews