Home
|
ข่าว

ประท้วงวุ่น!ป้องนายใหญ่”โรม”กระทู้ถาม”ทวี”แจง”ทักษิณ”ป่วย

Featured Image

 

 

 

สส.เพื่อไทย ประท้วงวุ่น! ป้องนายใหญ่ “โรม” กระทู้ “ทวี” แจง “ทักษิณ” สงสัยป่วยช่วยเหลือตัวเองได้น้อย แต่เดินตลาด-เข้าพรรคฯ

 

 

 

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอบกระทู้ถามของนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ถามถึงการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และการเข้าพักบนชั้น 14 ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยระดับสูง โดยย้ำว่า ตนเองไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก เป็นธรรม พร้อมย้ำว่า นายทักษิณ กลับประเทศเพื่อเข้าสู่กระบวนการในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว และปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัด และอธิบดีกรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บัญชาการเรือนจำ ก็ยังเป็นคนเดิม ไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ทั้งที่ผู้บัญชาการเรือนจำ ถึงคราวได้รับการแต่งตั้ง ก็ไม่กล้าเปลี่ยน เกรงว่าจะเกิดข้อครหา

 

พันตำรวจเอกทวี ยังระบุอีกว่า ตนเองได้ไปดูพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พบว่า นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ได้ไปเป็นกรรมาธิการฯ สมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. โดยมีการเปลี่ยนหลักการกฎหมายจากการแก้แค้น เป็นการฟื้นฟู พร้อมยังมีการยกร่างระเบียบ และกฎกระทรวงอื่น ๆ ที่ปัจจุบันมีการใช้บังคับอยู่อีกว่า 10 ฉบับ โดย สนช.และนายณัฐวุฒิ ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้ บังคับใช้ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้เข้าบริหารประเทศ

 

พันตำรวจเอกทวี ยังปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อคณะแพทย์ ที่ทำการรักษานายทักษิณ ตามที่นายรังสิมันต์ เรียกร้อง เพราะเกรงว่า จะมีทัวร์ลงคณะแพทย์ ก็จะกลายเป็นความผิดของตน แต่ยืนยันว่า ตนและข้าราชการทั้งหมด ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ และตน ก็ได้อ่านใบรับรองแพทย์อย่างละเอียด พร้อมตั้งทีมแพทย์ ไปตรวจสอบติดตามด้วย และย้ำว่า ไม่สามารถเปิดเผยอาการป่วยได้ตามกฎหมาย

 

นายรังสิมันต์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการได้รับการพักโทษ ของนายทักษิณ เนื่องจากเป็นคนแก่ ช่วยเหลือตนเองได้น้อย ที่ผ่านการประเมินทางการแพทย์นั้น มีการประเมินอย่างไร และมีการใช้อำนาจหน้าที่ที่มิชอบหรือไม่ เพราะการได้คะแนนจาก 9 คะแนน จาก 20 คะแนน จะต้องมีการประเมินถึงการอาบน้ำไม่ได้ ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระได้ ทั้งที่นายทักษิณ สามารถไปตลาด หรือไปที่ทำการพรรคเพื่อไทยได้

 

โดยพันตำรวจเอกทวี ย้ำว่า นายทักษิณ ผ่านการประเมินของทีมแพทย์ตามเกณฑ์ และมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการพักโทษ รวมถึงยังมีผู้ที่ได้รับการพักโทษคนอื่น ๆ ไปออกรายการโทรทัศน์ได้ตามปกติ และการไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ก็เป็นไปตามระเบียบที่ พรรคก้าวไกล หรือนายณัฐวุฒิ ร่างในสมัยเป็นกรรมาธิการฯ สนช. ที่ให้ถือเป็นที่คุมขังอื่น และได้รับการลดโทษ เมื่ออยู่โรงพยาบาล มีผู้ควบคุม ซึ่งตามระเบียบกำหนดให้อยู่ในห้องควบคุมพิเศษ จึงยืนยันว่า นายทักษิณ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษ และการบริหารโทษ ก็ไม่ใช่จากอำนาจตน แต่เป็นไปตามระเบียบ

 

พันตำรวจเอกทวี ยังเห็นว่า ขณะนี้ สังคมยังไม่ยอมรับการคุมขังอื่น จึงทำนักโทษต้องยัดเยียดกันอยู่ในเรือนจำ เมื่อตนรับตำแหน่ง จึงต้องกล้าปฏิบัติ และจะพยายามดำเนินการให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ไปพักโทษที่บ้าน และยืนยันว่า กระทรวงยุติธรรมยุคนี้ จะสร้างความยุติธรรมให้ทุกคนถ้วนหน้า และขอให้สังคมเข้าใจว่า โรงพยาบาล คือสถานที่คุมขังอื่น และย้ำว่า ตนเองเลือกกระทำตามกฎหมาย มากกว่าบุญคุณ ส่วนกฎหมายกับความถูกต้อง จะไปด้วยกันหรือไม่ สมาชิกรัฐสภามาแก้ว่า จะทำให้กฎหมายกับความถูกต้องไปด้วยกัน

 

อย่างไรก็ตาม พันตำรวจเอกทวี ยังปฏิเสธ ที่จะเปิดเผยถึงสภาพห้องพักรักษาตัวของนายทักษิณ บนโรงพยาบาลตำรวรชั้น 14, รวมถึงการข่าว ที่ทำให้นายทักษิณ ต้องไปพักรักษาตัวบนโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ตามที่พันตำรวจเอกทวี อ้างถึงความปลอดภัยไม่ให้ซ้ำเหตุคาร์บอมบ์ในปี 2549 และย้ำอีกว่า ตนเองดำเนินการตามกฎหมาย จึงขอให้นายรังสิมันต์ ลดความอคติ หรือความไม่สะใจลง พร้อมระบุว่า ราชทัณฑ์ ไม่ใช่สถานที่แก้แค้นคน

 

แต่ นายรังสิมันต์ ก็เชื่อว่า แม้เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลชุดนี้ จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ แต่นายทักษิณ ก็พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่ต้นจนจบ จวบจนที่รัฐบาลชุดนี้ จัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้ว และทั้งที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็มีหน้าที่กำกับให้ข้าราชการดำเนินการตามระเบียบราชทัณฑ์ ส่วนเหตุคาร์บอม์นั้น นายรังสิมันต์ ก็เห็นว่า ที่ผ่านมา นายทักษิณ เดินทางไปต่างจังหวัดได้ ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ และประชาชน ก็เข้าถึงนายทักษิณได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เหตุคาร์บอมบ์ ไม่ได้เป็นไปตามที่พันตำรวจเอกทวีเข้าใจ

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อนที่นายรังสิมันต์ จะตั้งกระทู้ถาม และระหว่างที่นายรังสิมันต์ ตั้งกระทู้ถามนั้น ได้มี สส.ของพรรคเพื่อไทย อาทิ นางศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และนางสาวนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย คอยประท้วงเป็นระยะ ๆ เนื่องจาก กระทู้มีลักษณะซ้ำซาก มีการตั้งถามในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และยังมีการกล่าวถึงนายทักษิณ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสภาฯ ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง จึงทำให้นายรังสิมันต์ ขอใช้คำว่า “อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ วู้ดซั่ม” แต่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่อนุญาต เนื่องจาก เป็นนามแฝงที่รู้จักกันทั่วไป จึงใช้แค่คำว่า “อดีตนายกรัฐมนตรี”

 

นอกจากนั้น ระหว่างที่นายรังสิมันต์ พยายามอธิบายอภิปรายเกริ่นนำก่อนการถามคำถาม ได้ขอเปิดเอกสารพาวเวอร์พอยท์ประกอบการตั้งคำถาม แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่อนุญาต เนื่องจาก เกรงว่า หากนายรังสิมันต์ เปิดเอกสารพาวเวอร์พอยท์แล้ว จะมี สส.พรรคเพื่อไทย ประท้วง ทำให้ไม่สามารถดำเนินการประชุมได้ จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างมีอารมณ์ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ และนายรังสิมันต์

 

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ใช้สิทธิกรณีที่พันตำรวจเอกพาดพิง ถึงตนเองหลายครั้งในกรณีที่ตนเองไปเป็นกรรมาธิการฯ พิจารณาพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ในสมัย สนช.ว่า ตนเอง ไปเป็นกรรมาธิการฯ ในฐานะภาคประชาสังคม ในการแก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกล เพราะขณะนั้น ยังไม่มีการก่อตั้งพรรค และตนเองไม่ได้เป็นผู้ยกร่างฯ แต่ได้รับเชิญให้เป็นกรรมาธิการวิสามัญ เมื่อปี 2560 โดยที่ยังไม่ได้เป็นนักการเมือง ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกลจะมีส่วน

 

นายณัฐวุฒิ ยังเรียกร้องให้พันตำรวจเอกทวี อย่าสื่อสารกล่าวหาตน เป็นผู้พยายามคุมประเด็นการแก้ไขร่างกฎหมาย และตนไม่ได้เขียนระเบียบ หรือ กฎกระทรวงใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการสรุปบทเรียนในอดีตของกรรมาธิการฯ ที่หากไม่มีการออกระเบียบรองรับกฎหมาย หน่วยงานก็จะไม่ดำเนินการ จึงต้องมีการกำหนดกรอบเวลา และยกร่างระเบียบเผื่อไว้ ให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจได้ตัดสินใจใช้ ซึ่งตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำว่า การทำหน้าที่ของตนเอง เป็นไปเพื่อรักษาสิทธิ เพื่อทุกคนในประเทศ แต่ไม่ได้เพื่อเอกสิทธิ์ ของใครคนใดคนหนึ่ง

 

ก่อนที่ พันตำรวจเอกทวี จะขอโทษนายณัฐวุฒิ ในกรณีที่พาดพิงจนเกิดความเสียหาย พร้อมยังตั้งข้อสังเกตต่อพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ที่ สนช.พิจารณาในวาระแรกอีกว่า มีการเสนอไม่ถึง 10 มาตรา แต่เมื่อผ่านวาระที่ 3 แล้ว กลับเพิ่มออกมาเป็นกว่า 70 มาตรา

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube